วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันทึกถึงเมือง ปาย ตอนที่ 30

  เวลาเนี่ยะ มันผ่านไปไวจริงๆนะ.... โดยเฉพาะ เวลาเรานอนหลับ = =!

" มี๊น !!  ตื่น ๆ  มิี๊นนนน... " นุ้ยเรียกผมเสียงดัง เขย่าตัวผมใหญ่เลย

" หา... หื้มมมม  จ้าๆ ตื่นแล้วๆ " ผมบอกแล้วลุกขึ้นมานั่ง

" จะ 9 โมงแล้วอ่าาาา ~ "  นุ้ยบอกผม  จากสภาพเธอก็เพิ่งตื่น

" งั้น นอนต่อ ~ " ผมพูดแกล้งเธอ แล้วล้มตัวลงนอน  นุ้ยหวดกำปั้น เล็กๆ ใส่หลังผมไม่ยั้ง



" ไอ้บ้า ตื่น ตื่น ตื๊นนนนน !!!! "  นุ้ยทุบไป ร้องไป

" โอ๊ยๆ.... น้องๆ พี่ขอนอนเหอะ  พี่ไม่อยากนวด ตอนนี้ " ผมร้องกวนๆ กลับไปอีกที

" โอ็ยยยยย... จะ งอลแล้วนะ "  นุ้ยพูด แล้วหยุดทุบ

" อ่าๆ  ตื่นแล้วๆ  ไม่เห็นต้องลงไม้ลงมือเลย -*- " ผมลุกขึ้นมาบ้าง เอิ่ม.. เริ่มปวดหลัง ตุ๊บๆ แฮะ

" ก็มีนไม่ตื่น อ่าาาา  ดูดิ อดไปดูทะเลหมอกเลย  " นุ้ยบอก

" อดกินข้าวต้มด้วยอะดิ " ผมแซว

" ไอบ้า!! " ป๊าปป  โดนอีก 1 ดอก   ถ้าเป็นแฟนกันจริง ผมคงน่วมอะ -*-

" บอกมั่งได้มั้ย  ทำไมนุ้ยไม่ปลุก มีนอะ "  ผมตอบ หาวใหญ่ๆ ไปอีก 1 ที

" นุ้ยเพลีย มีนก็ต้องปลุกสิ " นุ้ยจ้องหน้าผม ทำแก้มป่อง

" อะ และมีนเพลีย ใครจะปลุก " ผมถาม พอดีกับที่โทรศัพท์ ของผมส่งเสียง มีคนโทรเข้า

" โน้นไง คนปลุกมีน มาแล้ว " นุ้ยบอก



    ผมโดดลงจากเตียงไปหยิบโทรศัพท์ เบอร์แปลก ไม่เจอเห็นเลย ผมเปิดประตูออกไปข้างนอก จะได้คุยสะดวกๆ   ข้างนอกบ้าน เวลา 9 โมง ลมเย็นยังบาดผิวหน้าเราอยู่เลย  แต่ยังไงก็ต้องออกมาคุยข้างนอกหละนะ

" สวัสดีครับ " ผมกดรับสายแล้วพูด

" พี่มีนหรอ.. นี่มิ้ม เองนะ " เสียงผู้หญิงคุ้นหูตอบกลับมา  มิ้มเพื่อนรุ่นน้องของแอน เธอเป็นคนเดียวที่ดูจะเข้ากับผมได้มากที่สุดในบรรดาเพื่อนแอน

" หื้ม.... คะ? อ่อ มิ้ม มีอะไรรึเปล่า " ผมตอบกลับไป

" พี่มีน พี่แอนเข้า โรงพยาบาลคะ " มิ้มตอบ

   ใจผมหลบวูบลงไปทันที  รู้สึกหน้าชาๆ อากาศเย็นๆตอนนี้ไม่มีผลอะไรกับผมแล้วตอนนี้

" เกิดอะไรขึ้นมิ้ม  แอนเป็นอะไร " ผมถามมิ้มเสียงร้อนรน

" พี่แอนเมา แล้ว ขับมอเตอร์ไซต์ล้ม " มิ้มบอก

   แอนไปทะเล กับเพื่อนพักบ้านพัก มีมอเตอร์ไซต์ให้เช่า เธอคงดื่มหนัก เสียหลักรถล้มไปชนต้นไม้ งานนี้มิ้มไม่ได้ไปด้วย แต่ยังดีที่เธอโทรมาบอกผม

" เป็นอะไรมากรึเปล่า อยู่ที่ไหนอะ " ผมถามมิ้มไป รู้สึกเหมือนปากสั่นๆ

" โรงพยาบาล***** คะ  พี่แอนไม่ให้โทรบอกพี่มีนด้วย ไม่รู้ทำไม " มิ้มตอบ

" โอเคๆ ตอนนี้พี่อยู่ต่างจังหวัดพี่ฝากมิ้มดูแอน ด้วยนะ  พี่กลับวันนี้แหละ แล้วจะรีบกลับไป " ผมบอกมิ้ม  หลังจากคุยรายละเอียดเรื่องโรงพยาบาลแล้วก็วางสายไป

  คุณเคยรู้สึกเหมือนกำลังจะเดินขึ้นไปบนเวที รับถ้วยรางวัลที่1 แล้วมีคนมาบอกว่ารถคุณโดนทุบมั้ยครับ  เรายังต้องไปรับถ้วยรางวัลอยู่ดี  แต่อารมณ์ และทุกๆอย่าง ของเรามันไม่ได้เหมาะ หรือ อยากจะมาฝืนยิ้มอยู่บนเวทีเลยแม้มันจะน่ายินดีมากแค่ไหนก็ตาม.....
  เหมือนตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไปในบ้านนั้นแหละ

   นุ้ยยิ้มให้ผม อย่างไม่รู้เรื่องราวใดๆ เธอก็ยังน่ารักสดใส เหมือนเดิม แต่ตอนนี้คงไม่มีอะไรยุติความกังวลในใจผมได้แล้วหละ



" ใครโทรมาหรอ " นุ้ยถามผม

" อ่อ... แม่หนะ " ผมพูดออกไปเองอัตโนมัติ  ผมไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่ดีตอนนี้ ไปอีกคน  เธอคงจะรู้สึกแย่มาก แน่ๆ ถ้ารู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้ (ผมคิดนะ ส่วนตัวล้วนๆ)

" มีอะไร หรือเปล่า ? " นุ้ยถาม ระดับความสุขในเสียงต่ำลงนิดหน่อย

" อื้ม เค้าบอกให้มีน รีบกลับแหละ....  คงมีปัญหานิดหน่อย " ผมพูดหันไปฝืนยิ้มนุ้ย

" งั้นเราก็กลับกันเถอะ   เดี๋ยวก็ 10 โมงแล้วเนี่ยะ ~ "  นุ้ยพูดกับผม เธอคงมองสีหน้าผมออก ก็เลยยิ้มบางๆให้ผมเช่นกัน

   เราอาบน้ำ เตรียมของ ออกจากที่พัก เสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 10 โมง ครึ่งได้  เช็คเอ้าท์ คืนกุญแจให้กับคุณอาเจ้าของโรงแรม รับบัตรประชาชนของผมคืนพร้อมนามบัตร  คุณอาบอกว่า ครั้งหน้ามาอีกโทรมาบอกก่อนก็ได้นะ แล้วโบกมือ ส่งเรากลับบ้านอยู่ที่หน้ารีสอร์ท   ..... ผมไปก่อนนะ ปายลานนา


  เราขับรถกลับมาที่ร้าน เดือนเด่น ชำระค่าเสียหายส่วนเกินไปตามเวลา แล้วก็รับบัตรประชาชนของนุ้ยคืนมา  แล้วเดินข้ามถนน ไปที่ ท่ารถเมืองปาย

" ต้องไปแล้วอะ..... รู้สึกเหมือน เรายังเที่ยวได้ไม่เยอะเลย " นุ้ยบอกผม เสียงงอแง

" อื้มม  เอาน่า ถึงเวลาแล้วหละ  เรามาแวะชาร์ตพลังกัน  ได้เวลากลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว " ผมตอบนุ้ยไป แล้วยิ้มให้เธอ



    เราซื้อตั๋วรถตู้ ซึ่งได้ที่นั่งหลังสุด  ผมต้องกินยาแก้เมารถของนุ้ยด้วยอีกคน ขากลับก็เลยเหมือนเรากดปุ่มเร่งความเร็ววีดีโอ บนรีโมท ผมจำได้แค่ว่าผมตื่นมามองข้างทางไป 3 รอบ แล้วเราก็หลับเอาหัวชนกัน มาตลอดทาง..  ถึงเชียงใหม่ เรานั่งรถทัวร์ของเอื้องหลวงเหมือนเดิม รถออกจากท่าขนส่งอาเขตใหม่ตอน 1 ทุ่ม  ใจผมเหมือนเลื่อนลอยไร้สติ เวลานุ้ยเผลอ ผมมักจะวิตกถึงแอนเสมอ  เมื่อถึงจุดพักรถมีฝรั่งที่นั่งหน้าเรา 1 คู่ พวกเค้าไม่รู้เรื่องการเอาคูปองไปแลกอาหาร ผมเข้าไปบอกเค้าว่าคูปองพวกนี้แลกอาหารได้นะ พวกเขาขอบอกขอบใจผมยกใหญ่ที่มาบอก  แต่พอพวกเค้าตามลงมาด้านล่าง เค้าก็ตรงมาหาผมกับนุ้ยแล้วบอกว่าเป็น วีเจ็ทเทเรี่ยน ซึ่งผมงงอยู่นาน กว่าจะเข้าใจว่า พวกเค้ากินเจ (ห่ะ !! มาต่างประเทศแต่กินเจกัน  แปลกแฮะ..) ก็เลยอดใช้สิทธิไปตามระเบียบ  เรามาถึง กรุงเทพฯ ตอนเช้าของอีกวัน



   ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องแล้วหละ เหมือนผมหลับแล้วตื่นจากฝัน นุ้ยก็กลับไปที่พักของตัวเองแล้ว ... ฝันดีจริงๆ ผมคิดในใจ ดีจนไม่อยากตื่น ตื่นมาเจอความจริงที่แสนโหดร้าย ที่รออยู่ตรงหน้า  ผมแทบไม่มีเวลาพักให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง เพราะใจมันเรียกร้องให้ไปหาแอนทันที
  ผมอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อ แล้วขับรถออกไปร้านดอกไม้ ซื้อดอกไม้ช่อใหญ่ พร้อมการ์ด อวยพร และคำขอโทษที่ผมทำหน้าที่แฟน ได้ไม่ดีเท่าไหร่ ก่อนจะมุ่งตรงไปที่ โรงพยาบาล ที่แอนอยู่.....


~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~
.
.
.
.
.
~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~


  ผ่านไป 2 ปี แล้วหลังจากกลับมา  ตอนนั้นแอนห้ามผมไปหาที่โรงพยาบาลด้วยเหตุผลที่ผมไม่เข้าใจ ผมกับแอนเราเลิกกันหลังจากนั้น 2 เดือน  ผมมารู้ทีหลังว่าแอนไปมีคนใหม่ก่อนจะเลิกกับผม และเธอหลอกผมมาตลอด และเธอย้ายไปอยู่กับแฟนเธอ ที่เชียงใหม่ ผมร้องไห้หนักและเริ่มดื่มแอลกฮอล จากวันที่เสียแอนไป...



  นุ้ยยังทำงานอยู่ที่เดิม เราโทรหากันบ่อยๆ  แต่ไม่ได้เจอกันมา กว่า 1 ปีแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน ผมขอควงเธอไปให้เพื่อนร่วมงานที่บริษัทดู หลังจากที่ทุกคนหาว่าผมเป็นเกย์ = =! เพราะผมไม่สนสาวหน้าไหนอีกเลย และคบแต่เพื่อนผู้ชาย

  ตอนนี้ผมเป็นนักร้องอาชีพ  แต่ยังไม่มีร้านประจำเป็นหลักแหล่ง ผมย้ายจากห้องพักแถวมหาลัย กลับมาอยู่บ้าน เพื่อลดต้นทุนในการใช้ชีวิต แล้วก็ไปเปิดห้องซ้อม ใกล้บ้าน

  เรื่อง การไปผจญภัยในปาย ยังติดตราตรึงใจผมเสมอ มาจนทุกวันนี้ เพื่อนสนิทผม ก็ยังคงด่าผมว่า " ควายมีน " เหมือนเดิม หลังจากเล่าเหตุการณ์ ให้ฟัง  ผมก็คิดในใจแหละว่ามันจริง  เราไม่มีโอกาสไปเที่ยวกับคนที่รักหมดใจได้แบบนั้นบ่อยๆ  โธ่เพื่อน... ก็ถ้ารู้ว่ากลับมาต้องเลิกกับแอน  ตอนนั้นอะไรๆ มันก็คงง่ายกว่านี้



    ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องซ้อมดนตรีของผม กับเพื่อนๆ ที่หุ้นกันเปิดร้าน คนพอมีเข้าร้านบ้าง แต่เราเน้นซ้อมกันเองมากกว่า  เรากำลังนั่งคุยกันเรื่องเพลง ที่จะเอาไปออดิชั่นที่ร้าน ตอนมีโทรศัพท์เข้าเครื่องผม โชว์รูปหน้าหญิงสาวแสนสวยจอมซน ที่ยิ้มให้ผมบนหน้าจอ

" ว่าไงคะคนเก่งวันนี้ว่างหรอ "  ผมกดรับสายแล้วถามเธอ

" อื้มมม.... เพิ่งได้หยุดวันนี้เองมีน " นุ้ยตอบกลับมา เสียงเหนื่อยๆ

" หื้มคิดว่ามีหนุ่มมาจีบ จนลืมมีนไปแล้ว.. " ผมแซวนุ้ยไป

" หนุ่มจีบอะมี แต่ไม่ได้โทรหาใครทั้งนั้นแหละ  จะให้โทรปะหละ จะได้วางง " นุ้ยบอกเสียงงอลๆ

" โอ๋ๆ ล้อเล่น ๆ  กำลังคิดถึงเลย " ผมเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนแล้ว ไปยืนคุยที่เงียบๆ

   นุ้ยโทรหาผมบ่อยๆนะช่วงนี้  ช่วงก่อนหน้านี้เธอเคยมีแฟนที่อายุแก่กว่า  แต่เหมือนไม่ราบรื่นเท่าไหร่  ตอนนี้ สถานะนุ้ยกับแฟน ยังคลุมเครือ เธอบอกผมว่าโสด !!!  เสียงสูงๆตลอดๆ ทำให้ผม ไม่แน่ใจนักว่า เธอยัง Happy กับเค้าอยู่รึเปล่า  เราคุยกันเรื่อยเปื่อย  ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเธอผมมักมีความสุข และนึกอยากทำอะไรให้เธอซึ้งๆ สักอย่าง ตอบแทนทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเรา

" อยากไปปายอีกจัง " นุ้ยชวน ซึ่งเป็นคำชวนยอดฮิตของสองเราไปแล้ว

" มีนก็อยากไป.... " ผมตอบแล้วเงียบเสียงไป

" มีน  ไป ปายกันนะ " นุ้ยพูด

" ได้สิเมื่อไหร่หละ ? " ผมถามโดยรู้ว่าโอกาสจะเป็นจริงมันน้อยมากเหลือเกิน

" ธันวาคมนี้...... นุ้ยขอลายาวได้ 5 วัน  มีนเก็บตังรอด้วยนะ " นุ้ยบอกผม  น้ำเสียงจริงจังไม่เหมือนทุกครั้งที่คุยกัน

" เอาจริงป่าว จะได้รอ ? " ผมถามยืนยันความแน่ใจ

" เอาจริงสิ.... แต่ให้คิดว่าจะไม่ได้ไปนะ  แล้วเราจะได้ไปกันเหมือนคราวก่อน " นุ้ยตอบผมเสียงร่าเริง

  หลังจากวางสาย ผมก็คิดอะไรดีๆ ออกได้  ผมบอกลาเพื่อนที่นั่งกันอยู่ แล้วขับรถมุ่งตรงมาที่บ้าน เปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องโปรด และโปรแกรม Note pad ที่ใช้บันทึกโน้นนี่กันลืมประจำ  หื้มม... ชื่อของมัน ผมควรจะเขียนชื่อเรื่องมันว่าอะไรดีนะ ?
  อ่อ.. !! ผมคิดชื่อที่ง่ายๆ ตรงตัวแล้วพิมพ์มันลงไปในคอม

วันที่ 10 มีนาคม 2557

 บันทึกถึงเมือง ปาย ....


จบ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้ามันเป็นละคร 1 เรื่อง  เพลงนี้คงเป็นเพลงจบละครเรื่องนี้นะครับ

..................................................................................................................................................................

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันทึกถึงเมือง ปาย ตอนที่ 29

   เราขับรถฟ่าลมหนาวกลับมาจากจุดที่เราปล่อยโคมลอยออกไป นุ้ยกอดผมแน่น จนผมคิดว่าเธออาจจะร้องไห้อยู่อีกรอบก็เป็นได้  แต่ไม่น่าจะใช่หรอกนะ คงเพราะอากาศหนาวเหลือร้ายตอนนี้ต่างหาก  เราขับรถมาเรื่อยๆ จนถึงทางเข้าเมืองปาย  เอ๊ะ.... น่าแปลกจัง ที่ผมไม่ได้สังเกตมันสักนิด ในช่วงกลางวัน



   หลักกิโลเมตร ที่ 0 ของปาย  ที่หลายๆคน เฝ้าตามหา (รวมทั้งผมด้วย) ว่ามันอยู่ที่ไหนกันนะ  เราอยากถ่ายรูปกับมันเหลือเกิน สาวน้อยขี้แยข้างหลังผม ก็เหมือนกัน  แต่เราตามหามันไม่เจอสักที  ถ้าค่ำคืนนี้บรรยากาศไม่เงียบสงบ ถ้าค่ำคืนนี้ไม่หนาวและขนาดนี้ ถ้าคืนนี้เราไม่ได้ออกไปลอยโคมกัน หรือถ้าคืนนี้ไม่มืดมิดเท่าตอนนี้ เราคงไม่เห็นแสงสว่าง และสวนเล็กๆที่อยู่หน้าทางเข้าตัวเมืองปาย  ป้ายไม้แสดงระยะทางจากกรุงเทพฯ  และ หลักกิโลเมตร ตัวป้อมๆ อ้วนๆ ที่ยืนยิ้มรอทุกคนเข้าไปถ่ายรูป

" เฮ้ยยย... นุ้ย   นี่ไงๆ "  ผมบอก แล้วเลี้ยวรถวูบ เข้าไปจอด ทันที

" เอ๊ยยยยย... ~ "  นุ้ยพูด เธอก็คงเห็นแล้วเช่นกัน

" เจอสักทีสินะ  .. มองหามาตั้งนาน " ผมบอกเธอ แล้วลงจากรถ

" ทำไมตอนกลางวันเราถึงไม่เห็นกันนะ " นุ้ยหันมาถามผมเบาๆ

" คงเพราะ มันไม่น่าสนใจหละมั่ง....  ตอนนี้มืดไปหมด มีแค่แสงไฟจากตรงนี้เท่านั้น เราเลยเห็น "
  ผมตอบนุ้ย ซึ่งถ้าไม่นับดาวบนฟ้าหละก็  จุดนี้แหละที่สว่างที่สุดแล้ว

" ป้ายบอกว่าเราอยู่ห่างจาก กรุงเทพ 823  โล " นุ้ยบอกผม ตามองป้าย

" ไม่ถึง 1,000 เลยหรอเนี่ยะ " ผมมองป้าย รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย



   ราวกับว่าเราเดินทางมาไกล แสนไกล อย่างกับสุดขอบโลก อย่างที่ผมบอกตอนนุ้ยโทรหาจริงๆ ส่วนนึงคงเป็นเพราะรถหวานเย็น และ โค้งพันแปด ที่ทำให้ปาย ดูห่างไกล ซะยิ่งกว่า นั่งเครื่องบินไปอเมริกาอีก
  อากาศหนาวเริ่มกดดันเราหนักหน่วงขึ้น  เรากำลังถ่ายรูปเพลินๆ ควันที่ออกมาจากลมหายใจ เริ่มมากขึ้นๆ  ตอนนี้ผมเริ่มแสบจมูกแล้วหละ

" มี๊น ... จมูกแดงแป็ดเลย  ไหวปะเนี่ยะ " นุ้ยถามผม

" หื้ม... เอ่า หรอ ไม่รู้เลย " ผมตอบ หันไปมองนุ้ยบ้าง เออจริงแฮะ นุ้ยก็จมูกแดงๆ เหมือนกัน แถมยังตาบวมด้วยอะ

" หื้ม นุ้ยก็จมูกแดง ตาแดง  ดูดิ แดงไปยันหมวกอะ " ผมกวนเธอ

" ไอบ้าไม่เกี่ยว.... เอาอีกรูปนึง ถ่ายดีๆ อย่าให้ตาบวมนะ " นุ้ยบอก




    หลังจากที่ กอดรัด กับหลักกิโลปาย เรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางกลับที่พัก ผู้คนยังหนาตาอยู่ตอนเราผ่านถนนคนเดิน ขับตรงไปข้ามสะพานปูน ผ่านร้าน Don't cry ที่มีคนมากมาย สนุกสนานกับเสียงดนตรี  น่าเสียดายที่รอบนี้ เราไม่ได้เข้าไปลองนั่งฟังดนตรีดู  อาจเพราะนุ้ยและผม ไม่ค่อยชอบบาร์เล้าจ์เหมือนกัน โดยเฉพาะผม ที่ถ้าเกิดลองเข้าไปหละก็ คงจะคิดถึงแอนมากๆ แน่นอน

  ถนนค่อยๆชันขึ้น แล้วเราก็มาถึง "ปาย ลานนา" ที่พักแสนสวย ในค่ำคืนสุดท้าย ที่จะได้อยู่ในอ้อมกอดของปาย  เราจอดรถหน้าบ้าน แล้วรีบวิ่ง ดุ๊กๆ เข้าไปหลบหนาว ในบ้าน....
  ปรากฎบ้าน ในบ้านก็หนาวไม่ต่างกัน - -!  อาจเพราะ เราไม่ได้อยู่ในบ้านมาทั้งวัน บ้านเลยไม่มีไออุ่นๆ ไว้ต้อนรับเหมือนเมื่อเช้าตอนตื่นนอน...

  นุ้ย เข้าบ้านไปได้ปั๊ป ก็โดดไปมุดอยู่ใต้ที่นอนอีกแล้ว  แต่คงยังช่วยไม่ได้มาก เพราะที่นอนเองก็คงอมความเย็นไวมากทีเดียวแหละ



" โอ๊ย... หนาว ~ " นุ้ยมอง ทำท่าแมวซนแอบมอง โผล่มาแค่ตาอีกแล้ว

" ไม่อาบน้ำก่อนหรอวันเนี่ยะ ออกไปข้างนอกมาทั้งวัน " ผมถาม

" โห... ไม่ไหวหรอก หนาวขนาดนี้ " นุ้ยตอบ ซุกตัวดุ๊กดิ๊ก อยู่ข้างใน

  อย่าว่าแต่นุ้ยเลย ผมเองก็เหอะ ถ้าให้ไปลุยกับ น้ำเย็นใน 5 เซนติเมตร ก็ยังหวั่นๆ แต่ก็แหม่ วันนี้ทั้งวัน เละเทะ มาขนาดนี้  เอาซะหน่อยแล้วกัน จะได้ นอนสบายๆพรุ่งนี้ตื่นเช้า   ผมก็เลยจัดการหอบกระเป๋า แล้วก็เข้าห้องน้ำ ปิดประตู ไปทำภารกิจ  สภาพของการอาบน้ำรอบเย็น ก็ไม่ได้ต่างจากการอาบน้ำรอบเช้าหรอกครับ  หนาว สุดๆ  น้ำอุ่นก็กลายเป็นน้ำเย็นใน ไม่กี่เซนติเมตรหลังจากออกมาจากฟักบัว ก็ต้องนั่งท่าเดิม แล้วเอาฟักบัวมาไล่ถูตามตัว จะได้ไม่หนาวมาก  หลังจากอาบเสร็จ ก็ค่อยเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ออกมาข้างนอก    นุ้ยนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง ผมคิดว่าเธอหลับแล้วซะอีก

" อ้าวยังไม่นอนอีกอะ " ผมถาม เอาผ้าขนหนูเช็ดหัวไปด้วย

" ไม่เอาเดี๋ยวโดนมีนแกล้ง " นุ้ยบอก มือกดบีบี ตุ๊บๆ

" หื้ม.....  อ่อ ว่าจะออกมาแอบหอมแก้มซะหน่อย  ถ้านุ้ยหลับแล้ว " ผมตอบกวนๆ

" ไอ้บ้า.. " นุ้ยตอบหยิบหมอนมาเขวี้ยงผม

" โอ๊ยๆ ใครจะไปหอมลง น้ำก็ไม่อาบ หยี๊ !! ~ "  ผมเอามือมาบังหน้า แล้วตอบกลับไป

" ใครว่าไม่อาบ  กำลังจะไปอาบยะ " นุ้ยตอบแล้ว ลุกขึ้นมาหยิบของ

" เปลี่ยนเสื้อผ้าข้างในห้องน้ำนะ มีนไม่อยากห้องไปข้างนอกหนาว -*- " ผมบอกนุ้ย ก่อนเธอจะเดินเข้าไปข้างใน

" อื้มๆ "  นุ้ยบอกผม แล้วก็เข้าห้องน้ำไป

   ผมโดดขึ้นไปซุกนอนบนที่นอนบ้าง  หื้ม... ไออุ่น ของนุ้ยที่ทิ้งไว้ ทำให้ ที่นอนนี่อุ่นใช้ได้เลยทีเดียว ผมซุกอยู่เปปนึง ก่อนจะหยิบกล้อง ไปชาร์ตและ มือถือเอาออกมาดู  .. วันนี้แอนไม่ได้โทรมาหาผมเลย
ผมวางมือถือไว้ที่โต๊ะ แล้วหยิบหนังสือ ขึ้นมานอนอ่านบนเตียง  ตัวหนังสือค่อยๆเลือนไหล ไปเรื่อยๆ ผ่านหน้ากระดาษสีขาวๆ ทีละหน้า ผมค่อยๆ ผล่อยหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ~



" มีน...  มีน " ผมได้ยินเสียงแหลมๆ เล็กๆ คุ้นหูเรียก
" มีน... หลับแล้วหรอ " เสียงนุ้ยถามผม กระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

  ผมกึ่งหลับกึ่งตื่น  แต่ยังมีสติ คงเพราะหลับไปไม่นานเท่าไหร่  นุ้ยค่อยๆ เอื้อมมาหยิบหนังสือออกจากหน้าของผมไป
  ผมไม่ได้ลืมตา แต่สัมผัสนัยตา ฟ้องบอกผมว่าตอนนี้ไฟในห้องปิดแล้ว ผมยังแกล้งหลับต่อ อยากรู้ว่าเธอจะทำอะไร

  นุ้ยขยับเข้ามาใกลๆ้ผม มากขึ้น  แล้วเธอก็ใช้มือปัดผมที่บังหน้าผมออกไป เธอสวมถุงมืออยู่นี่ ผมรู้สึกถึงเนื้อผ้าไหมตอนเธอปัดผมออกให้  นุ้ยยังคงนั่งอยู่ข้างๆ ผม สักพักนึง เธอนั่งนิ่งๆ ไม่ได้ล้มตัวนอนลงมา ผมสงสัยว่า เธอเล่นโทรศัพท์อยู่รึเปล่า แต่ยังแกล้งหลับต่อ ใจเต้นระรัว..


  นุ้ยค่อยๆ เอนตัวลงนอน เธอนอนห่างกับผมออกไปและไม่มีส่วนไหนของร่างกายเราที่สัมผัสกันเลย  ผมแกล้งทำเป็นพลิกตัวหันหลังให้เธอ แล้วลืมตาขึ้น ตื่นเต้นแฮะ ไม่เคยแกล้งหลับ ระยะประชิดขนาดนี้มาก่อน เมื่อคืนเราก็นอน เตียงเดียวกันมาแล้ว 1 คืน แต่เมื่อคืนเราสลับตำแหน่งกัน เธอหลับก่อนแล้วผมมานั่งเฝ้ามองเธอเหมือนเจ้าหญิงน้อยๆ แล้วผมก็พล่อยหลับไป  แต่คืนนี้ผมหลับก่อนเธอยังไม่หลับ.. เอาจริงๆ เรายังไม่หลับทั้งคู่  ในหัวผมเริ่มฟุ้งซ้าน แล้วหละ -*-

  ผ้าห่มค่อยๆ ถูกดึงไปทีละนิด อย่างช้า ช้า.. ค่อยๆขยับไปทีละหน่อย  นุ้ยคงไม่อยากให้ผมตื่น เธอดึงจนสุดเขตผ้าที่มีให้ดึงแล้วก็ติดส่วนที่ผมทับไว้อยู่  ใจผมเต้นจนรู้สึกเหมือนว่ามันจะกระโดด ออกมาแล้วแหน๊ะ..
  นุ้ยค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ๆ ผมนอนนิ่งไม่ไหวติง หัวใจเหมือนจะทะลุ ออกไปด้านหลัง อากาศหนาวเย็น ไม่ช่วยให้ความตื่นเต้นลดลงเลย  ตอนนี้ผมรู้สึกว่าไหล่เธอมาชนหลังผมแล้วแหละ พร้อมกับผ้าห่มที่ไม่ได้ตึงเหมือนตอนแรกแล้ว  นุ้ยพลิกตัวหันมาหาผม ผมสัมผัสได้จากลมหายในของเธอ ที่รดต้นคอผม
 
   ตื่นเต้น.... ตื่นเต้นสุดๆ  แล้วก็คงจะยากเกินห้ามใจเสียเหลือเกิน ที่จะไม่คิดอะไรๆ ไปถึงไหน ต่อไหน แต่ผมคิดในใจว่า เธออาจจะเพลียหลับไปแล้วก็ได้ เมื่อคืน เปปเดียวเธอยังหลับเลยนิหน่า ผมเลยตัดสินใจ พลิกตัวกลับมานอนหงาย....

   พอผมพลิกตัวกลับมาเท่านั้นแหละ นุ้ย ก็รีบหันหลังให้ผมทันที !!   อ้าวเธอยังไม่หลับนี่หนา ผมตกใจที่เธอหันหนีไปแบบนั้น ผมก็เลย...

" นุ้ยยังไม่หลับหรอ " ผมถามเธอเบาๆ แต่กลับชัดเจน เพราะความเงียบในห้อง

" อื้ม....  มีน หลับไปแล้วไม่ใช่หรอ " นุ้ยตอบเบาๆ เช่นกัน

" เกือบแล้วหละ  ถ้าไม่มีคนมาเอาหนังสือ ออกจากหน้ามีน หละก็นะ " ผมตอบ เสียงกวนๆ นิดๆ
" หนาวหรอ.... ? " ผมถามนุ้ยเบาๆ

" อื้ม หนาวกว่าเมื่อวานอีก " นุ้ยตอบกลับมา

" ขยับมานี่สิ มีนไม่ทำอะไรนุ้ยหรอก " ผมตอบ.... ผมคิดแบบนั้น จริงๆ

   นุ้ยขยับเข้ามาใกล้ๆ  จนเราเกือบนอนหมอนเดียวกันแล้ว  ผมยกแขนขึ้นให้เธอเข้ามานอนทับแขนซบไหล่ผม



" ขยับเข้ามาเถอะ  ระหว่างทาง นุ้ยก็นอนซบแบบนี้มาตลอด ไม่ชินอีกหรอ " ผมถามเบาๆ

" ก็นั่นมันบนรถ แต่นี่มันไม่ใช่นี่หน่า " นุ้ยตอบแล้วขยับเข้ามานอนบนแขนพิงไหล่ผม

  ผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเส้นผมนุ้ย  เปล่านะเธอไม่ได้สระผมหรอก  แต่กลิ่นนี้ มันเป็นกลิ่นเอกลักษณ์ของตัวเธอต่างหาก ผมสงบจิต สงบใจตัวเองแล้วเลิกฟุ้งซ่าน  นุ้ยไม่ได้ กอดผม หรือทำอะไรมากกว่า นอนทับแขนซบไหล  ผมก็ไม่ได้ทำอะไรอื่นอีกเช่นกัน ความรู้สึกตื่นเต้นค่อยๆ ลดลงไป พร้อมๆสติของตัวผมเอง  อากาศหนาวทำให้เราใกล้ชิดกัน กว่าที่เคย  แค่เท่านี้แหละ ผมเตือนตัวเอง เท่านี้ก็มากพอแล้ว...... -_- Z..zZz

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

   ผมลืมตาขึ้นมา.... มือสนิด  ไม่รู้เลยว่ากี่โมงแล้ว  ผมคงตื่นเพราะ ใจกังวลว่าเช้านี้ จะไปบ่อน้ำพุร้อนไม่ทันหละมั่ง  พอตื่นปั๊ปก็พบว่าตัวเองตอนนี้ โดนยัยตัวแสบยึดครองไปแล้วแหละ เธอหันหน้าเข้าหาผม แล้วกอดผมไว้ด้วยมือข้างซ้าย
   แต่ถ้าหากคุณคิดว่ากอดด้วยมือข้างซ้ายมันโรแมนติก น่ารัก กุ๊กกิ๊กดี เธอแถมขาข้างซ้ายมาก่ายผมด้วย ผมรู้สึกตลกกับสภาพของเราตอนนี้มาก  ดูหน้าเค้าสิ๊ หลับไม่รู้เรื่องเลย เธออาจจะคิดว่าผมเป็นไอเจ้า พุ่งพลุ้ยอยู่ก็ได้นะ
    ผมเพ้าบังหน้านุ้ยไปเต็มหมด  ผมก็เลยเอาแขนข้างที่เหลือมาปัดผมเธอออกจากหน้า ก็เลยเห็นหน้าเด็กน้อยขี้แย แถมขี้เซา หลับปุ๋ยอยู่ตอนนี้

   ขอโทษนะ ปีเตอร์  ไอไปน้ำพุร้อนอย่างที่ยู กำชับ ไอ นักหนา ไม่ได้หวะ.... ไอว่านะ ถึงน้ำพุร้อนมันจะทำให้นายรู้สึกดีแค่ไหน  มันก็คงไม่เท่ากับที่ไอรู้สึกดีอยู่ตอนนี้หรอก... เชื่อดิ

" รักนุ้ยนะ " ผมบอกเธอเบาๆ  แล้วขโมยหอมเหม่งเธอ ไปอีก 1 ที  ก่อนจะหลับตาลงนอนไปพร้อมความรู้สึกว่าอยากให้มันเป็นอย่างนี้ไป ชั่วกาลนาน



..................................................................................................................................................................

บันทึกถึงเมือง ปาย ตอนที่ 28

" ขายยังไงครับผม "  ผมถาม  ยิ้มให้สาวน้อย อายุสัก 10 ขวบกว่าๆ เห็นจะได้

" อันละ 70 คะ " น้องตอบ ยิ้มให้ผมเช่นกัน

" ไม่มีคนซื้อบ้างเลยหรอเนี่ยะ " ผมถามน้องกลับไปอีกที



   อาจจะเป็นเพราะ น้องมานั่งมุมเหงา คนเดียว ที่หน้าซุ้มวัดกลาง แบบนี้ ก็เลยไม่มีใคร เดินเข้ามาซื้อ แน่ๆ หรือไม่แน่น้องอาจต้องมาขาย แต่ใจอยากนอนผิงไฟอุ่นๆมากว่า  ก็เลยทำให้หน้าตาน้องตอนแรก ดูไม่น่าเข้าหา ไม่น่าซื้อเท่าไหร่  แต่วันที่อากาศหนาวๆ แบบนี้ จะให้เด็กหญิงตัวจิ๋วยืนสู้ลมหนาวคนเดียว ก็คงลำบากหละนะ

" ก็มีบ้าง..คะ  แต่ ว่า น้อย หนูเลย มานั่งพัก " น้องตอบ

" พี่เอาอันนึงนะ  ^ ^ "  ผมตอบยิ้มให้น้อง

  น้องค่อยๆหยิบ "โคมลอย" จากถุงพลาสติกที่วางอยู่ด้านหลัง  ในถุงมีโคมลอยสัก 20 - 30 อันได้ พอน้องหยิบออกมาวางข้างหน้า ก็มีคู่หนุ่มสาวอีกคู่ เดินเข้ามาถามว่า ขายยังไง เหมือนกัน

" พี่ให้จ๊ะ  ไม่เป็นไร " ผมตอบ ยื่นแบงค์ร้อยให้ แต่ไม่เอาตังทอน

" แหม่ ~ ใจดี ได้ข่าวว่า ตังไม่มีจะกลับบ้านและ "  นุ้ยแซวเล่นๆ  เธอยิ้มให้ผม ตอนออกมาจากจุดที่น้องนั่งขาย ตอนนี้ มี คนเข้าไปซื้อ อีกคู่แล้วหละ

" นิดเดียว เองน่าาา  " ผมตอบ
" เอาไปลอยกัน ดีกว่านุ้ย " ผมยิ้มให้เธอ

" ลอยที่ไหน  ลอยในวัดปะหละ " นุ้ยถาม หันกลับไปชี้ ทางเข้าวัด

" ไม่เอา อะ  ไม่โรแมนติก "  ผมบอกนุ้ย แล้วดึงมือเธอเดินออกมา

  เรากลับไปที่รถ ระหว่างทางผมก็ แวะซื้อไฟแช็คมา 1 อัน  อากาศหนาวขาดบาดใจ เริ่มหนักหน่วง ดูเวลาตอนนี้ ก็ 4 ทุ่มกว่าแล้ว  ผมขับรถออกจาก ถนนคนเดิน แต่ไม่ได้มุ่งหน้ากลับเข้าที่พัก ในใจผมอยากหาที่เงียบๆ สักที่ อาจจะเป็นสะพานไม้เก่าๆ หรือ สวนสวยๆ สักแห่ง ก็น่าจะเหมาะ


  ขับรถออกจากตัวเมืองปาย มาหน่อยเดียว อากาศหนาวก็เข้าโจมตีเราอย่างจัง  ตัวเมืองคนเยอะ เราว่าหนาวแล้ว  พ้นเขตตัวเมือง หนาวทะลุปอดไปเลย ผมหนาวจนแทบจะขับมอเตอร์ไซต์ไม่ได้ สั่นหงึกๆ นุ้ยเอง ก็ตัวสั่นดิ๊กๆ เป็นลูกแมวเปียกน้ำ เลี้ยวออกมาจากเมืองได้หน่อยนึง  ผมก็เริ่มมั่นใจว่า  นอกตัวเมืองปาย ในชั่วกลางคืน ไม่ได้เหมือน บางแสน หรือ พัทยา  ที่จะมีอะไร สนุกๆ ให้เราทำ  เพราะทุกอย่าง มืด และเงียบสงัด ราวกับตกหลุมหลงทางกลางหุบเขา  อากาศหนาว ความมืด นานๆ จะมี รถวิ่งสวนมาสักคน  พ้นปั้มน้ำมัน ไปพักเดียว ผมก็เห็น ที่ราบข้างทาง  จุดตรงนี้เป็นเนินเขาเล็กๆ  ลึกเข้าไปในซอย มีแสงไฟ จากรีสอร์ท พอให้เรามองเห็นทางได้  ผมเลี้ยวรถมาจอดตรงนี้แหละ  ล้มเลิกความตั้งใจ ที่ะไปสะพานไม้  ไม่ใช่เพราะกลัวหนาว แต่กลัวอันตรายมากกว่า ผมไม่ได้มาคนเดียวนี่



" ตรงนี้ ก็พอเนาะ " ผมบอก หลังจากที่เราจอดมอเตอร์ไซต์

" ดีแล้วว.... กำลังคิดเลยว่าจะไปถึงไหน มืด น่ากลัว " นุ้ยตอบ ตอนนี้ควันออกปากเธอมากเลยแหละ

   จุดนี้เป็นเนินเขาสูง ทำให้ผมคิดถึง จุดชมหวิวหยุนไหล  ถ้าเราได้ไปกางเต้นท์ที่นั้น แล้วจุด โคมลอย หละก็ นั้นแหละ คงฟินแน่ๆ  แต่ตรงนี้ ก็สูงพอดู ผมหยิบโคมลอย ออกมากาง ให้นุ้ยจับตรงปลายกระดาษ แล้วหยิบไฟแช็ค ออกมาจุด

  โคมลอย นั้นแต่เดิม จุดกันเพื่อสักการะ บูชา พระพุทธเจ้า พระอิศวร พระนารายณ์ และ พระพรมหม ในงานประเพณี ของชาวล้านนา  บางคนก็ขอพร ติดไปกับโคม  จะได้เป็นศิริมงคลแก่ชีวิต ด้วย

   โชคดี  ที่ผมเองเคยจุดโคมลอยมาบ้าง  เพราะฉะนั้น เรื่องทำให้ลอย นั้นสบายมาก บางคนทำไม่เป็น มือใหม่จริงๆ  จุดแล้วก็ไม่ลอย เรี่ยไปกับพื้น ไม่ก็ไหม้กระดาษ ก่อนลอยก็มี = =



   เราจุดตรงส่วนที่เป็นวงกลมเชื้อเพลิงตรงกลางของโคม เพื่อให้ ควันเข้าไปแทนที่ ออกซิเจนข้างใน และ ลอยตัวขึ้น ผมจุดอยู่พักนึง โคมก็เริ่มตึงมือ ส่งสัญญาณว่า พร้อมจะลอยออกไปแล้ว  ผมดับไฟแช็คแล้วมายืน จับโคม ฝั่งตรงข้ามกับนุ้ย..

" อธิษฐาน ยัง " ผมถามนุ้ย  ตอนนี้ มีโคมจอมดื้อจะหนีขึ้นฟ้า  ขวางเราไว้อยู่ตรงกลาง

" กำลัง ~ " นุ้ยตอบเรียบๆ เบาๆ   เธอคงกำลังหลับตาอธิษฐาน หละมั่ง

  ผมก็ทำบ้าง......

   สวัสดีปาย  ในทึ่สุดเราก็ได้มาเจอกันนะ  ผมเฝ้าฝันถึงคุณมาตลอด  เฝ้าฝันถึงวันที่ผมจะได้เดินแบกเป้  กับแผนที่ในมือ แล้วออกตะลุยปาย มาแสนนาน ... ผมไม่คิดเลย  ว่าวันนี้ มันจะเป็นจริงได้  ปาย คุณเห็นผู้หญิงที่อยู่ตรมข้ามผมไหม เธอเหมือนคุณเลยนะ เป็นคนที่ผมเฝ้าฝันถึงมาตลอด  ฝันมาตลอดว่าจะได้จับมือเธอ แล้วเดินไปด้วยกัน  วันนี้ผมเหมือน ตกอยู่ในความฝัน ที่ยิ่งกว่าฝัน  ผมได้มาเจอคุณกับคนที่ผมรัก  ผมได้จับมือเธอในอ้อมกอดของคุณ  เธอยิ้มให้ผมขณะที่ผมกำลังหลงสเน่ห์ของคุณ  และตอนนี้ผมก็กำลังจะบอกรักเธอ เหมือนที่ผมจะบอกว่าผมรักคุณ ปาย

" พร้อมรึยัง " นุ้ยส่งเสียงถามเบาๆ

" อื้ม..... เอานะ   1 .. 2 .. 3 "  สิ้นเสียงผม เราก็ปล่อยมือพร้อมๆกัน

  โคมไฟอันใหญ่ ค่อยๆ ล่องลอย ออกไปสู่ผืนฟ้ามืดมิด  ค่ำคืนนี้ดวงจันทร์เสี้ยว เหมือนรอยยิ้ม  ดาว ดาษดื่นเกลื่อนท้องฟ้าไปหมด  คุณรู้ไหม ยิ่งคุณอยู่สูงเท่าไหร่  ดาวเหล่านั้น ก็เหมือนว่าคุณจะคว้าลงมาได้  โคมไฟสีเหลือง ตัดกับทุกสิ่งบนท้องฟ้า ลอยออกไปเหมือนเรือลำเล็กที่ค่อยๆ ลอยออกสู่ห้วงนทีแห่งฝัน เสียงจิ๊งหรีด ร้องเบาๆ  อากาศหนาวเย็นคมกริบ เป็นช่วงเวลาแสนดีที่ยากจะลืมเลือน ~



" มีนอธิษฐานอะไร " นุ้ยถามผม ตาเรายังคงมอง ที่โคมลอย ที่ค่อยๆ ถอยห่างออกไป

" นุ้ยหละ " ผมถาม นุ้ย หันกลับมามองเธอ

" ไม่เอามีนบอกก่อนดิ " นุ้ยพูดเสียงเบาๆ ยิ้มเล็กๆ ให้ผม

" มีนไม่ได้อธิฐาน  แต่มีนบอกว่ามีนรักปายนะ " ผมหันกลับไปมอง ที่โคมไฟอีกครั้ง

" แล้ว มีนก็รักนุ้ยมาก เหมือนปายด้วย " แล้วผมหันกลับมามองที่เธอ

" มีน.. " นุ้ยพูดเบาๆ จ้องตาผม  เธออมยิ้มแล้วก้มหน้าลง นิดนึง

" นุ้ยหละ อธิฐาน อะไร ? " ผมถามเธอบ้าง

" นุ้ยมีความสุข..  นุ้ยขอให้ได้มาที่นี่อีก นุ้ยก็รักปายเหมือนกัน  ขอให้ต่อไปนี้เจอแต่เรื่องดีๆ " นุ้ยบอกผม

ผมเอื้อม มือไปจับมือเธอ  นุ้ยเงยหน้าขึ้นมามองผม ดวงตาคู่นั่นดูเหมือนกำลังจะร้องไห้ก็ไม่ปาน



" เราเป็นแบบนี้ไปตลอดได้ไหม.. " นุ้ยถามผมเบาๆ

" หื้ม.. แบบไหนหรอ " ผมถามนุ้ยกลับงงๆ

" ไม่รู้สิ  เวลานุ้ยมีแฟนทีไร เรามักจะทะเลาะกัน สุดท้ายก็เลิกกันทุกที  นุ้ยไม่อยากเป็นแบบนั้นอีกแล้ว " นุ้ยพูดกับผม ตาฉ่ำๆ..

 "  มีนอยู่กับนุ้ยมาตลอด  วันที่นุ้ยเศร้าที่สุด วันที่นุ้ยดีใจที่สุด หรือแม้แต่ตอนนี้ .... นุ้ย บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกนี้ คืออะไร ทำไมนุ้ยไม่ได้รู้สึกกับมีนเหมือนคนอื่นๆ ที่ผ่านมา  แต่นุ้ยอยากให้มีนอยู่ใกล้ๆ เวลาอยู่กับมีนนุ้ยสบายใจ  แต่ทำไมนุ้ยไม่อยากให้มีนมาเป็นแฟน ไม่รู้สิ นุ้ยกลัวว่าวันนึงเราจะเลิกกัน แล้วเราจะไม่เจอกันอีกเลย..
   อีกอย่างตอนนี้มีนมีแฟนแล้ว   นุ้ยรู้ว่ามีนเป็นผู้ชายที่ดี  นุ้ยเชื่อใจมีนนะถึงได้มาที่นี่กับมีน  นุ้ยคิดว่าบางทีมีนอาจจลืมเรื่องเครียดๆ ไปบ้าง  แล้วกลับมายิ้มได้เหมือนเดิม "
    นุ้ยตอบ พูดเสร็จเธอก็มองหน้าผม

  ผมรู้คำตอบพวกนี้อยู่แล้วหละ .. ~   ผมเสียใจเล็กๆที่ไม่ได้ยินคำว่ารักของเธอ  แต่ไม่ได้วิตกอะไรกับมัน  ผมรู้จักเธอมานาน เหมือนที่เธอรู้จักผม  พวกเราเข้าใจว่า อะไรเป็นอะไร และเส้นของมันอยู่ตรงไหน

" มีนไม่หายไปหรอก...  มีนอยู่กับนุ้ยเสมอแหละ  วันที่นุ้ยไม่มีใคร  วันที่นุ้ยเสียใจ หันกลับมา มีนจะอยู่ข้างหลังเสมอ " ผมตอบ หัวใจแอบกรีดร้องเบาๆ



" มีนนุ้ยขอโทษนะ... " เธอบอก แล้ว เข้ามากอดผม  จากเสียงสะอึกเบาๆ ผมเข้าใจว่าเธอคงกำลังร้องไห้อยู่  ผมเข้าใจอะไรต่างๆ มากขึ้น  ช่วงเวลา 2 วัน ที่ผ่านมา คงไม่ได้มีแค่ผมหรอกที่สับสน นุ้ยเองก็คงสับสนอยู่ไม่น้อย  บางทีในมุมมองของเราเองคนเดียว อาจจะไม่สามารถตีความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้นจริงได้ทั้งหมด  นุ้ยอาจจะสับสนจนอยากจะร้องไห้ออกมา  แต่เธอก็ยังปลอบใจผมที่ทำหน้าเป็นตูด  เธอยังคงยิ้มร่าเริงสดใส เพื่อให้ผมสดใสไปด้วย  เธอน่ารักมากนุ้ย  น่ารักจากสิ่งที่ตัวเธอเป็น  ไม่ใช่แค่รูปร่างหรือหน้าตา

" นุ้ยจะมาขอโทษมีนทำไม..... มีนต่างหาก ที่ต้องขอโทษ แล้ว ต้องขอบคุณนุ้ยด้วย ที่ยอมมาเป็นเพื่อนมีน "  ผมตอบ ลูบผมเธอเบาๆ

" นุ้ย ต่างหากที่ต้องขอบคุณมีน " เธอปล่อยตัวผมแล้ว  เงยหน้ามอง ตาแดงก่ำ น้ำตาไหลเป็นทาง

" บ้า อ่อ... มาขอบคุณมีนเรื่องอะไร " ผมตอบ แล้วเอามือเช็ดน้ำตาให้ นุ้ย ข้างนึง  อีกข้างเธอเอามือมาปาดออกเอง

" เยอะแยะ ~   ไม่ต้องทำตัวดีนักก็ได้นะ "  นุ้ยตอบ  ชกเปรี้ยงเข้าที่หน้าอกผมทีนึงแรงๆ

" โอ๊ะ...  นุ้ยก็อย่าขี้แย แบบนี้อีกหละ " ผมยิ้มให้เธอ  ที่ตอนนี้ เธอก็ยิ้มให้ผมแล้ว

" มีนเป็นเพื่อนนุ้ยไปก่อนนะ ... แล้วก็ไปหาคำแก้ตัวดีๆให้แฟนหละ  อย่าทะเลาะกันบ่อยนักรู้ไหม "  นุ้ยสั่งผม เสียงดุๆ แต่หน้าเธอไม่ได้ชวนให้กลัวสักเท่าไหร่

" รับทราบครับ องค์หญิง " ผมตอบ แล้วขยี้ผมเธอเบาๆ อย่างที่ชอบทำประจำ



  สรุป เราก็ยังเป็นเหมือนเดิม คลุมเครือและหาคำตอบไม่ได้ = =! ปายก็คงช่วยผมได้แค่นี้แหละ เรากำลังมองหาว่า โคมเรามันลอยไปไหนแล้ว อยู่ดีๆ มีมีดางตก พุ่ง ฟิ้วววว ลงมา ตรงโคมลอย พอดี

" โอ๊ะ !! " " อุ๊ย !!! "  เราอุทานพร้อมกัน

" อธิษฐาน ได้อีกข้อ " ผมตอบ  หันมามองนุ้ย   ไม่ทันและ เธอหลับตาลง อธิษฐานอยู่เลย  ผมเอาบ้าง รอบนี้ไม่ขออะไรมาก นอกจากให้ได้มาปายอีก แล้วถ้ามากับนุ้ยด้วย ก็จะยิ่งดี

" ขออะไรไปคะ ? " ผมถามนุ้ย รอบนี้ผมลืมตาก่อน

" ไม่บอกหรอก  :P " นุ้ยตอบผม แล้วแลบลิ้นใส่

  เอาเถอะนะ  ถึงจะไม่ได้รับคำว่ารักตอบกลับมา แต่ช่วงเวลาดีๆ และสิ่งดีๆ ที่เรามอบให้กัน มันก็พอแล้วหละ ที่ผมจะเอ่ย คำว่ารักกับเธอได้เต็มปาก แล้วมันก็เป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัยเลย  ^ ^

................................................................................................................................................................

วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันทึกถึงเมือง ปาย ตอนที่ 27


   ร้านน้ำที่ผมว่า เป็นร้านน้ำสมุนไพรครับ... อื้ม น้ำสมุนไพรแบบที่เราเคยๆดื่มกันนั้นแหละ มี เก็กฮวย จับเลี้ยง น้ำมะตูม น้ำลำไย กระเจี๊ยบ พวกนี้  แต่ที่ร้านนี้ คนมามุงเยอะขนาดนี้ คงไม่ใช่เพราะกระหายอย่างเดียวแน่นอน  แต่เพราะว่า น้ำที่ขาย เป็นเครื่องดื่มร้อน  ที่จะใส่ลงในพาชนะที่เราไม่คุ้นตา
   มันก็คือ กระบอกไม้ไผ่นี่เอง  บนกระบะ ด้านหน้าร้านจะเต็มไปด้วยกระบอกไม้ไผ่ ที่สลักข้อความน่ารักๆ เอาไว้ หลังกระบะเป็น หม้อดิน ใบเขื่องๆ ที่บรรจุเครื่องดื่มเอาไว้ ส่งควันฉุนลอยขึ้นมา ปล่อยความอบอุ่น แผ่ออกไปรอบๆ ข้าง พร้อมกลิ่นหอม  พ่อค้า ยิ้มง่าย และช่างพูดสุดๆ ทำให้ลูกค้าแวะเวียนมาไม่ขาดสายเลยทีเดียว

" น้องผู้ชาย เลือกกระบอกเลย แล้วส่งให้พ่อค้านะครับ " พ่อค้ายิ้มให้ผม แล้วบอกให้เลือกกระบอก

" นุ้ยมาเลือก ๆ " ผมหันไปหานุ้ย เรียก เธอมาเลือก ดูอันที่ถูกใจ

  เราเลือกกันอยู่นาน พอดู ทีเดียว มีคำแปลกๆ เท่ห์ หลายคำ อย่างเช่น  "ถืออุ่นกาย ปายอุ่นจัง" "กูแนว " "ไม่หล่อแต่จน" "อุ๊ยตาย ปายน่ารัก" "รักคนมองจองคนปาย" อะไรแบบนี้ ผมได้กระบอกเรียบๆ ที่เขียนคำเดียวว่า "ปาย" ส่วนนุ้ยเลือก "น่ารักอ่ะ" เอามา 1 กระบอก

" เอาน้ำอะไรครับผมม ~ " พ่อค้าถามหลังจากผมยื่นกระบอกน้ำให้

" เอาเก็กฮวยครับ " ผมบอก

" เอาลำไยคะ " นุ้ยยื่นกระบอกให้พ่อค้าแล้วบอก



  พ่อค้าก็จะรับกระบอก แล้วใช้กระบวยไม้ ตักเครื่องดื่มที่ส่งควันออกๆ ออกจากหม้อมาเทใส่กระบอก ทีละกระบวยจนเต็ม เสียงไม้กระทบหม้อดิน  เสียงตักน้ำดัง ตุ๋มม.. ~  ผมว่าทั้งหมด มันคือสเน่ห์ และไอเดีย ที่ร้านนี้นำเสนอนะ  มันเข้ากับบรรยากาศเมืองเก่า ได้ลงตัว  ยิ่งวันที่อากาศหนาวๆ แบบนี้ ไม่แปลกเลย ที่คนจะมาออร้านนี้กันเยอะเชียว  เราจ่ายเงินให้พ่อค้าแล้วออกมาจากร้าน ก่อนออกมาพ่อค้ายังบอกว่า กินหมดแล้วมาเติมได้เลยนะ 10 บาท ค่าเติม ไม่ต้องเปลี่ยนกระบอก

  เราเดินถัดมาอีกนิดก็เจอกับ "ร้านสเก็ตภาพไม่เหมือน" ห๊ะ... !!  เอ็ะ สเก็ตไม่เหมือน.. ~  เอิ่ม ผมถนัดเลยนะเนี่ยะ พี่ -*- แต่ไม่เคยคิดว่าจะเอามาทำเงินได้   น่าสนใจดี เลยลองยืนดูหน่อยดีกว่า



  เอาจริงๆ แล้วจะบอกว่าไม่เหมือนก็ไม่ได้ซะทีเดียวนะ  ร้านนี้ถ้าเป็นกรุงเทพ ก็คงจะเป็นร้าน วาดภาพ การ์ตูนล้อเลียน เพียงแต่ พี่จิตกรจะไม่ลงรายละเอียดไปขนาดนั้น พี่เค้าจะแค่จับโครงร่าง จุดเด่นๆบนใบหน้า มาวาดง่ายๆ  แล้วก็เพิ่มรายละเอียดพื้นหลังลงไปหน่อย  นางแบบ นายแบบไม่ต้องรอนาน  เปปเดียวก็เสร็จ  แต่กลับดูเรียบง่ายมีสไตล์ดีด้วย

  อากาศหน๊าววว หนาว ลมโชยพัด เข้ามาตามช่องของอาคาร วันนี้ ดีจังที่ผู้คนหนาตา  เราเดินเพลินๆ ผ่านร้านของพื้นเมือง พวกกระเป๋าแม๋ว หมวกชาวดอยมาหน่อย ก็เจอถึงร้าน Pai now ที่แปลเป็นภาษาไทยว่าปายหนาว... อื้ม เข้ากับบรรยากาศ ตอนนี้ ดีจริงๆ



  ร้านปายหนาว ก็เกือบจะเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่เหมือนกันนะ หลายๆคนได้สัมผัสบรรยากาศน่านั่ง ดูสบายๆของร้าน จากภาพยนต์เรื่อง "ปาย อิน เลิฟ" ก็อยากจะมาลองนั่งดูบ้าง  วันนี้เป็นวันคนเยอะ จึงไม่ต้องห่วงเรื่องลูกค้าเลย มีคนมานั่งจิบกาแฟร้อนๆ กับขนมปังนึ่ง สังขยา หอมกรุ่น กันเพียบ ใครได้มาปายก็อย่าลืม มาลองกันหละ ^ ^



 เราเก็บ ภาพ บรรยากาศ ที่ร้านปายหนาวไป หน่อยนึง แล้วก็เลี้ยวซ้าย เข้าซอยถัดมา เดินเข้ามายังไม่ลึกมากเราก็เจอกับ

" เจ็ค สแปร์โรว !!!!!! "  ผมบอกนุ้ย  น้ำเสียงตื่นเต้น



" หะ.... อะไรนะ " นุ้ยถาม ผม แต่ตามองร้านของที่ระลึกฝั่งตรงข้ามอยู่

" เจ็ค สแปร์โรว อะ ตัวเอง " ผมชี้มือไป ให้นุ้ยดู ผู้ชายที่แต่งตัวมอซอ เหมือนอย่างในหนังไม่มีผิด

" ใครวะ ~ -*- " นุ้ยตอบ ทำหน้ามึนๆ ใส่ผม

" ในหนังไง๊... ไพเรสอ็อฟดิเคริเบี้ยนอะ " ผมบอก ตอนนี้รู้แล้วแหละว่านุ้ยไม่รู้จักหรอก

" อ๋อๆ เคยเห็นๆ คิดออกและ " นุ้ยบอก แล้วเราก็เดิน เข้าไปที่ร้านพี่เค้ากัน



    ร้านของพี่แจ็ค (ขอเรียกงี้แล้วกันนะเนาะ) เป็นร้านขายโปสเตอร์การ์ด ที่อุดมไปด้วยรูปตัวพี่แจ็คเอง ในอริยาบทต่างๆ โดยมีฉากหลังเป็นเมืองปาย ในเกือบๆทุกสถานที่ เช่นสะพานท่าปาย ปายแคนย่อน โป่งน้ำร้อน  ปางอุ๋ง มีหมด
    นอกจากนั้น ไม่ได้มีเพียงการแต่งตัวที่เลียนแบบ แจ็ค สแปร์โรว เท่านั้นนะ พี่เค้าเอามาหมด ทั้งลีลา ท่าท่าง และสำเนียงการพูดด้วย  หน้าร้านก็เต็มไปด้วย ชาวไทย และชาวต่างชาติที่ มาถ่ายรูป ระดมยิงชัตเตอร์ กันยกใหญ่


" อ่อ..... สาวน้อย  จะยิงรูปกับข้างั้นหรอ ?  เอ้า มาสิ เชิญๆ ข้าชอบอยู่แล้วคนสวยๆ หนะ" พี่แจ็คพูดกับสาวนักท่องเที่ยวไทยคนนึง เอียงตัว นิดๆ มือไม้ไปหมดอะ 5555+

    นุ้ยเดินเข้าไปเลือกโปสการ์ด น่าแปลก ที่คนเข้าร้านไม่มากเท่าไหร่  แต่พากันถ่ายรูปอยู่หน้าร้านนั่นแหละ ซึ่งพี่แจ็คก็ ขายเอง เล่นเอง รูปตัวเอง เสร็จสรรพด้วยตัวคนเดียว... เอ้อ เก่งดีนะ ถึงพี่แก หน้าไม่คมกริบเหมือน จอนนี่ เด๊ป แต่ผมชอบๆ   เพราะแจ็ค สแปร์โรว นี่ก็ไอดอลผมแหละ

" สาวน้อยเธอจะรับแค่ 2 ใบ เท่านั้นเองหรอ ? " พี่แจ็คถามนุ้ย ตอนที่บอกให้แกคิดตัง  นุ้ยพยักหน้า หงึกๆ
" 200 บาท จ๊ะ แม่สาวน้อย " พี่แจ็คบอก ทำท่ายียวนน่าเตะ ดีชะมัด

" เอาหละวันนี้ มีข่าวส่งมาบอกว่า อากาศจะหนาวมากๆ ช่างโชคดีเหลือเกินที่พวกท่านได้มากันในวันนี้นะ...... จะได้สัมผัสบรรยากาศหนาวกันซะให้เต็มที่ ~ " พี่แจ็คหันออกไปโบกมือแล้วประกาศให้คนที่มุงอยู่ด้านนอกฟัง

" อ่อ ขอถ่ายรูปด้วยหน่อย นะครับ " ผมบอกพี่แจ็ค แล้วบังคับนุ้ย ให้ไปถ่ายรูปกับแก

" แล้วนายละ พ่อผมยาว ไม่มายิงรูปกับข้าสักรูปรึไง " พี่แจ็ค ถามผม หลังจากถ่ายกับนุ้ยเสร็จแล้ว

" ไม่เป็นไรครับ... ^ ^ " ผมตอบเขินๆ แล้วเราก็เดินออกจากร้านพี่แจ็คมากัน

    ออกมาเดินเที่ยวตลาดต่อ ยิ่งค่ำลง บรรยากาศก็ยิ่งหนาว แต่แปลกคนดันเยอะขึ้นซะงั้น ร้านบาร์เหล้า ต่างๆ ตอนนี้มีชาวต่างชาติมานั่งกันเยอะเชียว  บรรยากาศดีๆ แบบนี้ ผมไม่อยากให้มันผ่านไปเลย  มีนุ้ยอยู่ข้างๆ อากาศหนาวเป็นข้ออ้างที่เราจะเดินตัวติดกัน ในสายตาคนอื่นเค้าคงมองเราเป็นแฟนกันแน่ๆ  อ๊ากกกก แค่คิดก็เขิลแล้วหละ >//////////////<

" มีนๆ โน้นๆ  อะไรไม่รู้ " นุ้ยชี้ให้ผมดู อะไรบางอย่าง ที่ร้านแผงแร่

" หื้ม.... เออ แฮะ น่ากินดี "  ผมตอบ แล้วเราก็เดินเข้าไปดูที่หน้าร้าน

   คุณอาสุดสวย กำลัง ตักบางอย่างจากหม้อ ลงในกระทง แล้วก็เอามาย่าง บนเตาไฟ ข้างๆแผง  มีกระทงที่เสร็จแล้วด้วย กลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนกินลอยออกมาท้าทายนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา  บนแผงมีขนมอีกอย่าง ที่มองเผินๆ เหมือน เค้กช็อกโกแลต ที่ถูกตัดแบ่ง บนป้ายเขียนว่า "แปงมุ้ง"



" ที่ย่างนี่เรียกว่าอะไรครับ พี่ "  ผมถามคุณอา

" อ่อๆ ไข่ป่ามจ๊ะ  อร่อยนะ ลองกินดูๆ " คุณอาบอกแล้ว พัดไฟ เพิ่มหน่อย ป้ายที่คุณอาเอามาพัด นั้นแหละ มันเขียนว่า "ไข่ป่าม"

" อร่อยมั้ยคะ ? " นุ้ยถาม ทำหน้าเกมือนเด็กเห็นอมยิ้มอีกละ

" อร่อย สิจ๊ะ  ต้องลองๆ " คุณป้าบอกแล้ว เสียบป้ายไข่ป่าม กลับที่ ที่มันควรจะอยู่

" งั้นเอา อย่างละ 2 อันครับ พี่ " ผมบอกคุณอา  คุณอาก็เอาขนม ใส่กล่องโฟมผ่าครึ่ง แล้วใส่ในถุงพลาสติกอีกที ส่งให้



  เอาหละ.... หึ หึ  คราวนี้ เราไม่เตือนนะ แต่เราจะชิมแล้ว  ใครอ่านกลางคืน แล้วมีภูมิต้านทานดี ก็อ่านต่อเลย  แต่ถ้าอ่านแล้วชอบหิว ก็ พักไว้ก่อนเนาะ ^ ^

  เริ่มที่เจ้า " แปงมุ้ง " ก่อน มันเป็นขนมพื้นบ้านของไทยใหญ่ บางคนเรียกมันว่า "เค้กพม่า" อะ ชิมๆ
สัมผัสแรกก่อนเลย คือนุ่มหนึบ รสหวานแผ่ซ่านออกมามากเลย  มีความมันของกะทิ เราได้กลิ่นหอมควันมะพร้าวด้วย รสชาติของเจ้าเค้กพม่า นั่น หวาน  อื้ม หวานเพียวๆ หวาน หน้าสีขาวเป็นกะทิ นุ่มๆ ลงตัวดีครับ  แต่สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง

" โห หวานมาก " ผมบอกนุ้ย  เราสลับกันกินชิม คนละอย่าง

" อันนี้ เหมือนไข่เจียวทรงเครื่อง หื้ม.. แต่มันอร่อย บอกไม่ถูกแฮะ" นุ้ยบอก แล้วกินต่อ

  เอาหละมาลองไข่ป่ามบ้างดีกว่า  ไข่ป่ามที่เราซื้อมา มีแฮมชิ้นลอยอยู่บนตัวไข่ด้วย อะลองงับดูเลยละกันใจร้อน.....
  ร้อนสิครับ  อะหื้ม ตัวไข่เก็บความร้อนไว้พอควร ไข่ใช่เลย นี่มันไข่ทรงเครื่องข้างใต้มีกระเทียม ตะไคร้ ต้นหอม กลิ่นเครื่องเทศอวลลอยในปาก รสเค็มนิดๆ มีกลิ่นหอมใบตองเข้ามาแซมโชคดีที่ผมไม่ซื้อแบบมีพริกมา รสชาติไม่จัดมาก กลมกล่อมสมบูรณ์เลยแหละ ไข่ปิ้งทรงเครื่อง ชาวเหนือ เหมาะอย่างยิ่งกับการทานเล่น หรือเป็นออเดิร์ฟได้ดีทีเดียว

" หื้มม  อันนี้อร่อย " ผมบอก เสียดายไม่น่าเลือกทานของหวานก่อนเลย

" ใช่มะ ~ " นุ้ยบอกแล้วอมยิ้มแก้มตุ๋ย

  เราจัดการ แปงมุ้ง กับไข่ป่าน จนหมด  แล้วออกเดินต่อจนมาถึงวัดกลาง ผมเหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงตัวน้อย ถือบางอย่างอยู่ในมือ ทำให้คิดอะไรดีๆ ออกมาได้   ผมว่า " ผมอยากบอกรักนุ้ย " หละ


...................................................................................................................................................................

วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันทึกถึงเมือง ปาย ตอนที่ 26


       กว่าเราจะเอ่อระเหย ถ่ายรูปกันซะนาน ออกมากจาร้านเค้ก ก็ตะวันตกดินแล้ว ที่ปายเนี่ยะ เหมือน พระอาทิตย์เล่นกลจังเลยครับ อยู่ๆ พอนึกอยากจะตก  ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็เริ่มมืดแล้ว  มืดไวมากๆ ลมหนาวก่อตัวอย่างรวดเร็วสมกับที่เป็นปาย ระหว่างทางกลับ ร้านค้าต่างๆ ก็เริ่มเปิดไฟแสงสีเหลืองกันแล้ว  เราผ่านถนนคนเดินที่ตอนนี้ผู้คนเริ่มหนาตา ชาวต่างชาติ เริ่มออกมาสัมผัสบรรยากาศเมืองเก่า และกลิ่นอายยามค่ำคืนของตลาดนัดคนเดินปาย


   นุ้ยแวะร้านเสื้อ ร้านนึงแถวๆเยื้องกับโรงพยาบาลปาย ก่อนเข้าวอกกิ้ง หน้าร้านแขวนเสื้อผ้าผู้หญิงสวยๆ เยอะเลย  ทั้งพวกชุดเดรส  ชุดลำลองทั่วไป   เสื้อยืดแขนยาว  กางเกงขาสั้น
  หน้าร้านมีฝรั่งหนุ่มวัยรุ่นคนนึง  เค้าตัวสูงกว่าผม สัก 10 - 20 เซนได้  ใส่เสื้อยืดสีขาว คลุมด้วยเสื้อเชิ๊ตบางลายสก๊อต  สวมหมวกฟาง  สะพายกระเป๋า  หื้มม เค้าหล่อมากเลยหละ ตาสีฟ้าด้วย



  นุ้ยเดินเข้าไปเลือกเสื้อในร้าน  เธอยิ้มให้ฝรั่งคนนี้ด้วยแหละ  ....  ผมแอบมีอาการหึงเล็กน้อย   ในหัวมีความคิดแปลกๆ ว่าฝรั่งผู้ชายจะมายืนหน้าร้านเสื้อผู้หญิงทำไมกัน  หน้าร้านแถวนี้ ไม่มีใครอีกเลยนะ นอกจากเรา 3 คนนี่  แม่ค้าเดินออกมาจากหลังร้าน แล้วพูดคุยกับยัยตัวแสบ ที่หยิบดูเสื้อผ้าอยู่   ผมกับฝรั่งสุดหล่อ ยืนอยู่หน้าร้าน 2 คน เหมือนเป็นเพื่อนกัน แล้วมายืนรอใครสักคน บรรยากาศการยืนกับชาวต่างชาติ 2 คนนี่ ผมไม่เคยสัมผัสแฮะ  แปลกๆ พิกล

" Hello.. "
คุณคิดว่าคำนี้ ใครเป็นคนเปิดประเด็น ฝรั่งใช่มั้ยหละ ^ ^   เปล่าเลยผมเปิดเอง

" Oh .. hello. Nice to meet you "  เค้าตอบ ยื่นมือมาจับมือผม  ยิ้มกว้างเลย  เพราะจากที่ดู เค้าก็อึดอัดพอสมควร ที่มายืนใบ้กัน 2 คน

" Nice to meet you too " ผมตอบ
" อ่า....Where are you come from ? " ผมถาม  
   คือผมไม่ใช่คนพูดอังกฤษ ไฟแล็บ ภาษาเป๊ะ สำเนียงได้ แบบนั้นนะครับ  ผมก็พูดอังกฤษติดสำเนียงไทยๆ แบบนี้แหละ  แต่ผมชอบที่จะฝึกมันบ่อยๆ ยิ่งบางทีเจอชาวต่างชาติหน้ามึนๆ ไม่รู้จะถามใคร ผมมักจะเข้าไปคุยกับเค้าก่อนเองเสมอๆเลย



 " I come form Sweden " เค้าพูด   บอกว่าเค้ามาจากสวีเดน  เอ๊ะ สวีเดนก็มีภาษาของเค้าเองนะ

" อ่าา.. You come alone ? " ผมถาม  อันนี้แหละ ที่ตั้งใจจะถามแต่แรก  แกมาคนเดียวหรอ  แกอย่ามาแย่งรอยยิ้มจากผู้หญิงที่ฉันรักนะ !!!!!

" Arr.. nono . I come with my girl friend.  You live in here ? "  เค้าบอก.. อ่อสรุปมากะแฟน ไหนหละ ไม่เห็นมีเลย   ผมมองซ้ายมองขวา

" มีน สวยมั้ย " นุ้ยเรียกผมจากในร้าน  หยิบเสื้อสีชมพูสายสติ๊ส ทาบให้ดู

" หื้มมม ลิงใส่เสื้อ ลายมนุษย์ต่างดาว " ผมตอบไปกวนๆ   นุ้ยทำปากบู๊  แล้วหันไปเลือกต่อ
" Oh. อ่าาา ยังไงวะ  -*-  . am... อ่า  traveler "  ผมตอบไปตะกุก ตะกัก

" She so cute ~ "  ฝรั่งบอก ยิ้มให้ผม แล้วชี้ไปที่นุ้ย

" Yes..i think so "  ผมตอบตามตรง  มองไปที่นุ้ย แล้วอมยิ้ม

   ในที่สุดแฟนของเพื่อนชาวต่างชาติก็ออกมาจากหลังร้าน เธอเป็นผู้หญิงชาวต่างชาติผิวขาวหุ่นดี หน้าคมสวย  (หน้าอกใหญ่มว๊าก ~)  สวมเสื้อกล้ามลายทางสีส้มสลับขาว กางเกงยีนส์ ขายาวทะมัดทะเมง
 ผมเดาว่าหลังร้าน คงเปลี่ยนเสื้อได้ เธอก็เลยไปลองเสื้ออยู่นาน

" You girl friend ?..  She so very beautiful " ผมบอกเค้าบ้าง หลังจากเราทั้งคู่มองเธอเดินออกมาจากร้าน

" Thank. My name is peter and.... ? " เค้าอมยิ้มที่ผมชมแฟนเค้า แล้วถามชื่อผมบ้าง

" Meen... it my name " ผมบอก  ตอนนี้เราเหมือน เพื่อนที่เข้าใจหัวอกผู้ชาย ด้วยกัน... ยืนรอแฟนสาวเลือกเสื้อผ้า

" Meen. you can drive motorcycle " เค้าถามผม  ด้วยสำเนียง และ อะไรต่างๆ กว่าผมจะฟังคำนี้รู้เรื่อง เราทวนกัน 3 รอบ

" Ahr... yes yes  ..  โน้นไง My car. " ผมตอบ ชี้ไปที่ เจ้ารถสกู๊ปี้ไอแดง แรงฤทธิ์

" Why don't you go to......... " ท่อนนี้ยาว และกว่าจะเข้าใจกัน ปีเตอร์ต้องเล่นละครใบ้ ไป 1 ยก    ปีเตอร์บอกว่า ทำไม อากาศหนาวๆ อย่างนี้ ผมถึงไม่พานุ้ยไปที่ น้ำพุร้อนหละ  เมื่อเช้า พวกเค้าไปกันมา มีความสุขมากๆ อากาศหนาวเย็น แล้วได้แช่น้ำพุร้อนเนี่ย มีความสุขมากเลยนะ..

" Rally ?  I think i must go too. " ผมตอบแล้วยิ้มให้เค้า
" How long you live in pai " ผมถามเค้าบ้าง

" This last day.. Tomorrow we go to phuket "  ปีเตอร์บอก
" And i think i propose her to marry me " ปีเตอร์หันไปทางแฟนเค้า แล้วยิ้ม

" โอ๋... Good luck friend " ผมตอบ แล้ว ยื่นมือไปจับมือปีเตอร์บ้าง



  เป็นเรื่องน่ายินดีจัง  ปีเตอร์ดูเป็นผู้ชายที่ยิ้มง่าย ปรกติแล้วฝรังมักจะปิดเรื่องส่วนตัว ไม่บอกใครนะ  หรือเพราะว่าเค้าคิดว่าเราคงไม่เจอกันอีกแล้วแน่ๆ เลยกล้าบอก  เอาเถอะๆ แค่ผมเห็นคู่รักชาวต่างชาติที่รักกัน แล้วฝ่ายชายกำลังจะขอฝ่ายหญิงแต่งงานอยู่ตรงหน้า  อารมณ์มันก็ Happy ไปตามเค้าด้วยแฮะ  ผมมองนุ้ย แล้วยิ้ม ฉันก็อยากมีวันแบบนี้กับเธอบ้างนะ ยัยตัวแสบ
 
  น่าแปลกที่สองสาวเลือกเสื้อผ้าเสร็จพร้อมกันพอดี นุ้ยไม่ได้อะไรติดมือมาเลย  ในขณะที่อีกคนได้มาเพียบ ~   ก่อนจาก ปีเตอร์ชมนุ้ยว่าน่ารัก อีก 1ดอก (เอ๊ะ ไอ้นี่ !!) แล้วหันมาหลิวตาให้ผม  ปีเตอร์ยังบอกอีกว่า อย่าลืมไปน้ำพุร้อนนะ มันเจ๋งมาก นายต้องลอง

" คุยไรกันอะ  นาน สองนาน  รู้จักกันหรอไง "  นุ้ยถาม

" ก็เพิ่งรู้จักปะกี้แหละ  เค้าชื่อปีเตอร์ " ผมตอบ

" หล่อดีนะ  ตาฟ้าด้วย ชอบๆ " นุ้ยชมปีเตอร์

" เดี๋ยวจะกลับไป เตะก้านคอมัน -*-  มันชมนุ้ยสวย " ผมบอกแอบหงุดหงิด

" เตะเค้าถึงรึไง " นุ้ยแซว แล้วหัวเราะเบา

" หน๊าววว ~ "  ผมบอกนุ้ย

  คราวนี้ ผมเป็นคน เอื้อมมือออกไปคว้ามือเธอมาจับเองบ้าง นุ้ยใส่ถุงมือสีน้ำตาล คู่เดิม  เธอมองหน้าผม ชะงักนิดๆ ปรกติผมไม่เคยเป็นฝ่ายจับมือเธอก่อนเลย  แต่นุ้ยก็ไม่ได้พูดอะไร เราจับมือกันเดินตัวติด ฝ่าอากาศหนาว เข้าไปถนนคนเดินปาย



  ใช่ครับ วันนี้อากาศหนาวกว่าเมื่อวาน เมื่อวานเราเดินกลางคืน เราก็ว่าหนาวแล้วนะ  แต่วันนี้มันหนาวจนเหมือนจะมีหมอกบางๆ ลอยอยู่เหนือเมืองปายเลย เมื่อวานเรายังกิน บลูฮาวาย(ที่ไม่มีแอลกฮอลล์)ปั่นได้  แต่ถ้าเป็นวันนี่ ผม เซย์โนว แบบไม่ต้องคิดเลย   อากาศหนาวเย็นจนไม่ว่าเดินผ่าใครๆ ก็ควันออกปากกันหมด  บรรยากาศหนาวสุดขั้ว รวมกับ ทิวทัศน์เมืองเก่า เสียงดนตรีล้านนา ที่เดินๆ ไปก็สลับกับ เร๊กเก้บ้าง และเสียงลมพัดโชยหวิววววว ~ มาไกลๆ  วันนี้ตลาดน่าเดินมากๆเลยหละ

  " หนาววว ~ "  นุ้ยบอก   เรากำลังเดินผ่านร้านบาร์เหล้า ที่มีชาวต่างชาตินั่งสังสรรค์กันอยู่ เฮฮา  ทำให้ผมนึงถึงเด็กฝรั่ง ที่เหมือนตุ๊กตา คนเมื่อวาน  น้องน่ารัก ตาสีฟ้าเป็นประกาย  เอ... ถ้าปีเตอร์มีลูก คงอารมณ์นี้หละมั่ง

  " หมีนุ้ย  น่ารักป่าว " ผมชี้ให้นุ้ยดู ตุ๊กตาหมีตัวบะเริ่มเท่าคน ที่นั่งเฝ้าตู้ไปรษณีย์ปาย อยู่

  " น่ารักมาก ~ " นุ้ยบอกแล้วเดินเข้าไปดู



   ร้านนี้ขายโปสการ์ด มากมาย หลายแบบ  มีการ์ดอวยพร แบบ ส.ค.ส ด้วยนะ  ถังลูกกวาดที่วางอยู่หน้าเคาเตอร์ดูน่ากิน ตกแต่งแบบน่ารักๆ ผสมวินเทจ นิดๆ มีจักยานห้อยดอกไม้สวยๆ ให้ถ่ายรูปกันด้วย
   ส่วนเจ้าหมีใหญ่ที่ผมว่า  นั่งอยู่หน้าร้าน บนเก้าอี้เหมือนเด็กลูกครึ่งหมี นั่งอยู่จริงๆ  มีป้ายเขียนไว้ด้วย  น้องหมีตัวนี้ ชื่อพุงพลุ้ย เค้าว่าเค้ามีฝาแฝด  สามารถส่งฝาแฝดเค้าไปให้ใครก็ได้ ที่คุณอยากจะส่งไป ทั่วประเทศไทย  เค้ากอดแล้ว นุ่มนิ่มน่าฟัด ที่สุด   เค้าว่ามาแบบนี้  วึ่งก็จริงนะ อากาศหนาวๆบาดใจตอนนี้ ถ้าได้กอดเจ้าหมีพุงพลุ้ยนี่นอนบนเตียง ก็หลับสบายยย.....

    เราออกจากร้านโปสการ์ดเดินเลาะไปเรื่อยๆ ก็มาพบกับร้านที่สะดุดตา และมีคนรอซื้อกันเยอะทีเดียว

" มีน ซื้อน้ำ !!! " นุ้ยพูด ชี้ไปที่ร้านที่ว่า

" หื้ม... เจ๋งอะ เข้าใจขายแฮะ " ผมตอบ

................................................................................................................................................................

วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันทึกถึงเมือง ปาย ตอนที่ 25

     สวัสดีครับ หลังจากตอนที่ 18 (ข้าวซอย) กับ ตอนที่ 19 (ขาหมู)ออกไป ผู้อ่านที่อ่านตอนกลางคืนบอกว่า หิว !!  ทำไมทำกันแบบนี้....   = =!
     ตอนที่ 25 นี้ จึงใคร่ขอแนะนำ สำหรับ สาวๆ ที่ไดเอท หรือผู้ที่ชอบของหวาน แต่ไม่อยากทานตอนกลางคืนว่า " อย่าเพิ่งอ่านครับ "  เก็บไว้อ่านตอนเช้าดีกว่านะ หุ หุ


     สักพักนึง เราก็ลงมาจากปายแคนย่อน ขาลงไม่เหนื่อยเท่าไหร่เลย อาจจะเพราะเราได้พักหายใจสุดบรรยากาศสดชื่นจากข้างบนมาบ้างแล้ว  ขาลงก็เลยง่ายมาก  เปปเดียวก็มาถึงรถแล้ว

" เดี๋ยวซื้อน้ำให้ " ผมบอกนุ้ย แล้วเดินไปซื้อน้ำ ที่ร้านค้า



     ร้านค้ามีเครื่องดื่มเย็นๆ บริการ ทั้ง โค้ก เป็ปซี่ น้ำอัดลมทั้งหลายแหล่ หรือจะซัด M150 กระทิงแดงก็มี  และสิ่งที่ผมจะซื้อก็คือ โออิชิ ข้าวญี่ปุ่น ของโปรดยัยตัวแสบ

" มีนซื้ออะไร ๆ " น้องร้องเรียก วิ่งตามมา ตุ๊บๆ

" ข้าวญี่ปุ่นไง " ผมหันไปบอก พร้อมยื่นขวดให้

" รู้ดี ~ " นุ้ยบอก

" เค้าเรียกใส่ใจ " ผมยิ้มให้แล้วพูดกับเธอ

   นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าแปลกไม่น้อย  ผมจำได้หมดเลยนะ ว่า นุ้ยชอบอะไร ไม่ชอบอะไร  แต่เธอ... ไม่เคยเล๊ย ที่จะจำรายละเอียดของผมได้  หื้ม... ใช่  ไม่เลยแหละ  พอถ้าผมบอกว่าไม่ชอบ เธอก็จะบอกว่า " อ้าวหรอ " ซึ่ง ไอเราก็เคยบอกไปแล้วนะว่าไม่ชอบ  เป็นแบบนี้ตลอดเลยแหละ = =

   เราออกจากกองเลน ก็ ประมาณ บ่าย 3 กว่าๆ แล้วหละ แดดเริ่มจางลงหน่อยๆ  แต่แดดช่วงบ่าย 3 บ่าย 4 เนี่ยะ เป็นแดดเพลีย ที่ใครโดนสาดเข้าไปจะต้องเหนื่อยและเพลียร่างกันทุกคน  รถมอเตอร์ไซต์สีแดงสะท้อนแสงแดด ที่ก็กำลังแดง ไม่แพ้กัน  วิ่งลัดเลาะเนินเขา ขึ้นๆ ลงๆ  จนมาถึง ร้านเค้ก Landmark ที่เราแวะกันมา 2 รอบแล้ว แต่ยังไม่ได้กินกาแฟ และเค้ก ของที่นี่ สักที

  เราจอดรถที่ร้าน Coffee in love อีกครั้ง  ครั้งนี้เห็นแล้วว่าไม่ค่อยมีคน เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้แวะเข้าไปกินสักที... อุตส่าห์มาถึงปาย ตระเวนชิมไปซะทั่วแล้ว จะข้ามที่นี่ไปได้ยังไง ^ ^



  ขอข้ามบรรยากาศภายนอกไปเลยแล้วกันเนาะ  เรามากัน 2 รอบแล้วนี่  เดินเข้ามาด้านใน ร้านนี้ตัวร้านเอง ไม่กว้างมากนะ อารมณ์เหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อนที่เป็นเจ้าของไร่เลย  เคาเตอร์ไม้ด้านหน้า มีเมนูเครื่องดื่มอยู่บนกระดานดำยาว  ตู้กระจกมีเค้กเรียงราย หลายแบบ น่าลองชิมดูทั้งนั้นเลย  ผมเดินไปหยุดหน้าเคาเตอร์  พนักงานสาวน้อย ที่ให้ข้อมูลเรื่อง "สะพานไม้" กำลังยืนเม้าท์ กับสาวชงเครื่องดื่มที่หน้าเคาเตอร์นั้นเอง



" รับอะไรดีคะ "  พนักงานสาวสะพานไม้ ทักทาย  จากที่ดูเธอจำผมไม่ได้แน่นอน

" หื้มมม....  อะไร อร่อยบ้างเอ่ย~ " ผมถามลอยๆ ตามองไปที่บอร์ดเมนูด้านบน

" ฮะๆ  อร่อยหมดเลยค่ะ  ชอบทานกาแฟ หรือ โกโก้ หละคะ " พนักงานสาว หัวเราะหน่อยๆ แล้วแนะนำ

" มีน เอาอะไร " นุ้ยถาม ตอนนี้เธอกำลังไล่ดูเค้กในตู้ เอาเป็นเอาตาย

" มีนหรอ.... หื้มม โกโก้ปั่น มั่ง " ผมตอบนุ้ยแล้วเริ่มมาดู เค้กในตู้บ้าง

  ในตู้ตอนนี้ ที่เห็นๆแน่ๆ ก็มีเค้กส้ม  โอริโอ้  บลูเบอรี่เค้ก ช็อกเบล็คเรนฟอเรส  ทิรามิสุ แต่ที่โดนใจผมสุดๆ ก็ต้อง สตอเบอรี่ชีสเค้ก  คิดว่าผมกินอะไรเหมือนผู้หญิงหละสิ ความจริงเป็นเป็นพวก บ้าชีส!! อะไรที่ทำจากชีส ผมเห็นไม่ได้เลยแหละ Yummy ~



" เอาโกโก้ปั่น ใส่นม บวกวิปด้วยคะ " นุ้ยสั่ง แล้วเดินมาดูเค้กต่อ

" ผมเอา โกโก้ปั่นเหมือนกันครับ ไม่ใส่นมนะ ขมๆ หน่อยก็ได้ ไม่หวานมาก Noวิป.... แล้วก็สตอเบอรี่ชีสเค้ก 1 ชิ้น "  ผมสั่งบ้าง

" อิ๊  กินเป็น เด็กผู้หญิงเลยอะ.. " นุ้ยแซว

" อย่ามาแย่งเค้าหละ  พูดแบบเนี่ยะ " ผมตอบเธอ
" นุ้ยอะได้ยัง เอาอะไร " ผมเดินไปดูเค้กกับเธอ ที่ตู้อีกที

" หื้มม  ไม่รู้จะกินอะไรเลยอะ... เอานี่ก็ได้ๆ  เราไม่ได้สั่งกาแฟ กันนี่ " นุ้ยบอก ชี้ไปที่ ทีรามิสุ

" แล้วก็ ทีรามิสุ อีกชิ้นนึงครับ " ผมสั่ง  แล้วเราก็เดินไปนั่งที่โต๊ะกัน



   โต๊ะไม้สีขาวทรงกลม  บางตัวปูผ้าสีแดง มีเก้าอี้ล้อมรอบ   มีจุดพิเศษๆ เป็น โต๊ะยาว ที่มีเก้าอี้ขาวยาวหันหลังชนธรรมชาติ  สามารถไปจับจองนั่งได้ ถ้าไม่กลัวว่าจะร่วงลงไปนะ  (ซึ่งไม่ร่วงหรอกครับ แข็งแรงดี)
   เรามานั่งรอที่ โต๊ะขาวตัวนึง ไม่ไกลจากเคาเตอร์มากนัก ตรงมุมของร้านพอดี  ด้านนอก เจ้าม้า 2 ตัวกำลังวิ่งเหยาะๆ เล็มหญ้าอยู่  ลมพัดนำอากาศที่หนาวขึ้นนิดหน่อยมาแล้ว  ทุ่งราบโล่งด้านล่าง ดูสวยงาม เหมือนมานั่งกินอาหารที่ รีสอร์ทฟาร์มวัวนม ยังไง หยั่งงั้น

" น้ำคะ "  พนักงานสาว เอาน้ำเย็นมาเสิร์ฟก่อน

" ขอบคุณมากครับ " ผมบอก แล้วรับแก้ว มาจากเธอ

" เมื่อวานเจอ สะพานไม้ ไหมคะ ? " เธอถามผม ผมตกใจเล็กน้อย ที่เธอจำพวกผมได้

" ฮะ.. อ๋อ  เจอครับ เจอๆ ตกใจเลยนะเนี่ยะ จำได้ด้วยหรอ. " ผมถาม

" ตอนแรกก็ว่าคุ้นๆ พึ่งคิดออกนี่แหละ " เธอบอก ยิ้มให้ผม แล้วเดินกลับไปที่เคาเตอร์

" อะละ...  จะกินเด็กหรอ ? " นุ้ยแซว เสียงหนักๆ หน่อย

" บ้าไง๊.... ก็เมื่อวานเราถามเค้าไง จำไม่ได้หรอ " ผมพยายามอธิบาย

" ไม่อะจำไม่ได้.... มีน จำได้แสดงว่าชอบอะดิ " นุ้ยพูดจ้องตาผม

" โหว๊ะ !! ก็มีนคนถาม มีนก็จำได้ดิ  ไอบ๊อง... ~ " ผมตอบมองหน้าเธอ



" เค้าก็จำมีนได้ นะ หน๊ะ " นุ้ยบอก ตามองพนักงานสาว  ที่ตอนนี้พวกเธอเหมือนจะซุบซิบ เรื่องพวกผมยุ หัวเราะคิกคัก

" อื้ม ตกใจเหมือนกันที่จำได้ " ผมพูดไปตามตรง

" ขอเบอร์เลยมะ... "  นุ้ยถาม จ้องหน้าผม

" ไม่เอาอะที่นั่งอยู่ด้วยนี่ก็พาปวดหัวแย่แล้ว "  ผมตอบยิ้มกวนๆให้เธอ 1 ที

" ปวดหัวก็กลับไปเรยยย ~ "  นุ้ยบอก  เบนสายตาไปมอง ม้า 2 ตัวที่กำลัง ขู่กัน ฟืดฟาดด

" แต่มีความสุขมากกว่า ก็เลยพอรับได้ " ผมแซวเธอหวานๆ บ้าง

" อยากมีความสุขมากกว่านี้ปะหล๊ะ ~ " นุ้ยบอก เอียงคอไปที่พนักงาน

" ไม่มีทางจะมากกว่านี้ได้แล้วหละ.. " ผมพูดตามความจริง ^ ^    นุ้ยอมยิ้ม แล้วเค้กก็มาพอดี

  เอาหละ ไหนมาลองชิมกันดูสิ๊ ว่า จะอร่อยสมที่รอคอยไหม  สตอเบอรี่ชีสเค้กของผม ราดแยมสตอเบอรี่เพิ่มมาให้อีกด้านบน  สำหรับคนที่แพ้อะไรหวานๆ เยิ้มๆแบบนี้ คงถูกใจกันแน่ๆ  ด้านล่างมีเหมือนจะเป็น บิสกิตกรอบ หลายๆชิ้นวางอยู่  ชิมดูดีกว่า



   ถ้าใครเคยลองชิมชีสเค้กมาก็จะพอรู้ว่ารสชาติเป็นแบบไหนเนาะ ส่วนคนที่ยังไม่เคยนะครับ  เนื้อครีมชีส นุ่มๆที่ชั้นกลางจะมีกลิ่นหอม มัน บวกกับรสชาติของชีสติดปลายลิ้น  ชีสที่ใช้ทำเค้กจะเป็น ชีสชนิดที่ไม่มีกลิ่นสาป แต่จะให้กลิ่นหอมอ่อนๆของนมแทน ตัวเนื้อเค้กมีความเข้มข้นมาก แต่กลับนุ่มละมุน และมีรสหวานมัน รวมกันกับ แยมสตอเบอรี่สดๆ หวานและหอมสตอเบอรี่ ขนมปังกรอบชั้นล่าง ที่ให้ความกรุบ แต่ไม่แข็ง  ลงตัว เพอร์เฟ็คครับ  ^ ^

" อร่อย ~ "  ผมที่เค้กมาถึง ก็ชิมส่วนแหลมๆ ของเค้ก ไป 1 ช้อนเล็กๆ  บอกนุ้ย

" กินได้ หวานแหว่ว มากเลยคุณชาย " นุ้ยแซว

" ของนุ้ยหละ เป็นไงบ้าง " ผมถามนุ้ย ที่ตอนนี้ ก็ลงมือ ตักชิมบ้างแล้ว

" หื้มมม...... ~ "  โอเค  หื้มม~ มาเราก็ไม่ต้องถามอะไรกันต่อแล้วหละ
" มาแลกกันชิม "  นุ้ยบอก แล้วจัดการ สลับจานเค้ก เรียบร้อย

  ทีรามิสุ ก็คือ กาแฟที่เน้นไปทางหวานมัน หอมกลิ่นกาแฟ แต่ผมก็ยังไม่เคยชิมเค้ก ทีรามิสุ นะ ลองกันดูดีกว่า



   อื้ม... แว็บแรกเลยก็คือ หวานหอมครับ หวานเพราะครีมนมสด ที่เป็นชั้นสีเหลืองๆ  สลับสีน้ำตาลอยู่ กลิ่นอ่อนๆ ของกาแฟ อบอวลอยู่ในปาก ชั้นสีน้ำตาลนั้นเนื้อเค้กค่อนข้างหนักสักหน่อย แต่ละมุนลิ้น คล้ายไอศครีม สีน้ำตาลนี้ เต็มไปด้วยความหวานของคาราเมลและ กลิ่นกาแฟ ท็อปปิ้งด้านบนคือ ช็อกโกแลตขูด ผสมด้วย ผงกาแฟหน่อย ให้กลิ่นเหมือน ม็อคค่า เข้มๆ  สรุปรวมแล้ว เค้กก้อนนี้ ก็เพอร์เฟ็คไม่ต่างกับของผม  อันนี้คงขึ้นอยู่กับความชอบ ของแต่ละคนแล้วหละครับ ^ ^

  พักเรื่อง หวานละมุนอย่างเค้ก 2 ก้อน แล้วมาลอง โกโก้ของเราบ้างดีกว่า   โกโก้ของผมสั่งแบบ แมนๆ นะครับ รสชาติ ไม่ขมอย่างที่ตั้งใจไว้แฮะ  คือถ้าบางร้าน ใช้โกโก้แบบ แท้ๆ โหดๆ เลย สั่งขม คุณจะได้ ขมแน่ๆ  แต่ร้านนี้ ก็มีติดรสหนักๆของโกโก้เข้มๆ  ยังไม่จัดว่าขม  มีความหวานติดปลายลิ้นหน่อยๆ หื้ม โกโก้ แบบนี้ ถ้าชงหวานจะอร่อย  ผมก็เลย ไปขโมย ของยัยตัวแสบมาลองชิม บ้าง

  อย่างที่คิด  โกโก้ปั่น ของนุ้ยอร่อยกว่าชัดเจน มีความหอมมันของนมสด หวานละมุน บวกกับรสเย็น แล้วเข้ากันได้ดี วิปด้านบน ยิ่งละลาย รสก็ยิ่งกลมกล่อมขึ้น  เพราะฉะนั้น โกโกปั่น 2 แก้ว ของนุ้ยอร่อยกว่ามากขอรับ ~

" ของนุ้ยอร่อยกว่า "  นุ้ยบอกหลังจากที่ ชิมโกโก้ของผม บ้างแล้ว

" ไม่เถียงเลยคะ " ผมตอบ แล้วเอาแก้วของผมมากินต่อ ยังไงซะ ผมก็ชอบเข้มๆ มากกว่าหละนะ



   เราสองคนนั่งชิล ชมวิว กินเค้ก กันสักพัก  เค้ก 1 ชิ้น กับ น้ำปั่น 1 แก้ว ก็ทำให้เราอิ่ม ได้มากทีเดียวแหละ  ก่อนที่เราจะจ่ายค่าเสียหายแล้วออกจากร้านมาถ่ายรูปอีกหน่อย เราเจอลูกหมาภูเขาด้วย ขนยาวกว่าหมาในเมืองหลวงเยอะเลยนะ 555  เสร็จแล้วเตรียม กลับที่พัก เพื่อทำตามแผนกำหนดการสุดท้ายของวันนี้ คือ ไปลุยถนนคนเดินอีกครั้ง ~




...................................................................................................................................................................