วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันทึกถึงเมือง ปาย ตอนที่ 27


   ร้านน้ำที่ผมว่า เป็นร้านน้ำสมุนไพรครับ... อื้ม น้ำสมุนไพรแบบที่เราเคยๆดื่มกันนั้นแหละ มี เก็กฮวย จับเลี้ยง น้ำมะตูม น้ำลำไย กระเจี๊ยบ พวกนี้  แต่ที่ร้านนี้ คนมามุงเยอะขนาดนี้ คงไม่ใช่เพราะกระหายอย่างเดียวแน่นอน  แต่เพราะว่า น้ำที่ขาย เป็นเครื่องดื่มร้อน  ที่จะใส่ลงในพาชนะที่เราไม่คุ้นตา
   มันก็คือ กระบอกไม้ไผ่นี่เอง  บนกระบะ ด้านหน้าร้านจะเต็มไปด้วยกระบอกไม้ไผ่ ที่สลักข้อความน่ารักๆ เอาไว้ หลังกระบะเป็น หม้อดิน ใบเขื่องๆ ที่บรรจุเครื่องดื่มเอาไว้ ส่งควันฉุนลอยขึ้นมา ปล่อยความอบอุ่น แผ่ออกไปรอบๆ ข้าง พร้อมกลิ่นหอม  พ่อค้า ยิ้มง่าย และช่างพูดสุดๆ ทำให้ลูกค้าแวะเวียนมาไม่ขาดสายเลยทีเดียว

" น้องผู้ชาย เลือกกระบอกเลย แล้วส่งให้พ่อค้านะครับ " พ่อค้ายิ้มให้ผม แล้วบอกให้เลือกกระบอก

" นุ้ยมาเลือก ๆ " ผมหันไปหานุ้ย เรียก เธอมาเลือก ดูอันที่ถูกใจ

  เราเลือกกันอยู่นาน พอดู ทีเดียว มีคำแปลกๆ เท่ห์ หลายคำ อย่างเช่น  "ถืออุ่นกาย ปายอุ่นจัง" "กูแนว " "ไม่หล่อแต่จน" "อุ๊ยตาย ปายน่ารัก" "รักคนมองจองคนปาย" อะไรแบบนี้ ผมได้กระบอกเรียบๆ ที่เขียนคำเดียวว่า "ปาย" ส่วนนุ้ยเลือก "น่ารักอ่ะ" เอามา 1 กระบอก

" เอาน้ำอะไรครับผมม ~ " พ่อค้าถามหลังจากผมยื่นกระบอกน้ำให้

" เอาเก็กฮวยครับ " ผมบอก

" เอาลำไยคะ " นุ้ยยื่นกระบอกให้พ่อค้าแล้วบอก



  พ่อค้าก็จะรับกระบอก แล้วใช้กระบวยไม้ ตักเครื่องดื่มที่ส่งควันออกๆ ออกจากหม้อมาเทใส่กระบอก ทีละกระบวยจนเต็ม เสียงไม้กระทบหม้อดิน  เสียงตักน้ำดัง ตุ๋มม.. ~  ผมว่าทั้งหมด มันคือสเน่ห์ และไอเดีย ที่ร้านนี้นำเสนอนะ  มันเข้ากับบรรยากาศเมืองเก่า ได้ลงตัว  ยิ่งวันที่อากาศหนาวๆ แบบนี้ ไม่แปลกเลย ที่คนจะมาออร้านนี้กันเยอะเชียว  เราจ่ายเงินให้พ่อค้าแล้วออกมาจากร้าน ก่อนออกมาพ่อค้ายังบอกว่า กินหมดแล้วมาเติมได้เลยนะ 10 บาท ค่าเติม ไม่ต้องเปลี่ยนกระบอก

  เราเดินถัดมาอีกนิดก็เจอกับ "ร้านสเก็ตภาพไม่เหมือน" ห๊ะ... !!  เอ็ะ สเก็ตไม่เหมือน.. ~  เอิ่ม ผมถนัดเลยนะเนี่ยะ พี่ -*- แต่ไม่เคยคิดว่าจะเอามาทำเงินได้   น่าสนใจดี เลยลองยืนดูหน่อยดีกว่า



  เอาจริงๆ แล้วจะบอกว่าไม่เหมือนก็ไม่ได้ซะทีเดียวนะ  ร้านนี้ถ้าเป็นกรุงเทพ ก็คงจะเป็นร้าน วาดภาพ การ์ตูนล้อเลียน เพียงแต่ พี่จิตกรจะไม่ลงรายละเอียดไปขนาดนั้น พี่เค้าจะแค่จับโครงร่าง จุดเด่นๆบนใบหน้า มาวาดง่ายๆ  แล้วก็เพิ่มรายละเอียดพื้นหลังลงไปหน่อย  นางแบบ นายแบบไม่ต้องรอนาน  เปปเดียวก็เสร็จ  แต่กลับดูเรียบง่ายมีสไตล์ดีด้วย

  อากาศหน๊าววว หนาว ลมโชยพัด เข้ามาตามช่องของอาคาร วันนี้ ดีจังที่ผู้คนหนาตา  เราเดินเพลินๆ ผ่านร้านของพื้นเมือง พวกกระเป๋าแม๋ว หมวกชาวดอยมาหน่อย ก็เจอถึงร้าน Pai now ที่แปลเป็นภาษาไทยว่าปายหนาว... อื้ม เข้ากับบรรยากาศ ตอนนี้ ดีจริงๆ



  ร้านปายหนาว ก็เกือบจะเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่เหมือนกันนะ หลายๆคนได้สัมผัสบรรยากาศน่านั่ง ดูสบายๆของร้าน จากภาพยนต์เรื่อง "ปาย อิน เลิฟ" ก็อยากจะมาลองนั่งดูบ้าง  วันนี้เป็นวันคนเยอะ จึงไม่ต้องห่วงเรื่องลูกค้าเลย มีคนมานั่งจิบกาแฟร้อนๆ กับขนมปังนึ่ง สังขยา หอมกรุ่น กันเพียบ ใครได้มาปายก็อย่าลืม มาลองกันหละ ^ ^



 เราเก็บ ภาพ บรรยากาศ ที่ร้านปายหนาวไป หน่อยนึง แล้วก็เลี้ยวซ้าย เข้าซอยถัดมา เดินเข้ามายังไม่ลึกมากเราก็เจอกับ

" เจ็ค สแปร์โรว !!!!!! "  ผมบอกนุ้ย  น้ำเสียงตื่นเต้น



" หะ.... อะไรนะ " นุ้ยถาม ผม แต่ตามองร้านของที่ระลึกฝั่งตรงข้ามอยู่

" เจ็ค สแปร์โรว อะ ตัวเอง " ผมชี้มือไป ให้นุ้ยดู ผู้ชายที่แต่งตัวมอซอ เหมือนอย่างในหนังไม่มีผิด

" ใครวะ ~ -*- " นุ้ยตอบ ทำหน้ามึนๆ ใส่ผม

" ในหนังไง๊... ไพเรสอ็อฟดิเคริเบี้ยนอะ " ผมบอก ตอนนี้รู้แล้วแหละว่านุ้ยไม่รู้จักหรอก

" อ๋อๆ เคยเห็นๆ คิดออกและ " นุ้ยบอก แล้วเราก็เดิน เข้าไปที่ร้านพี่เค้ากัน



    ร้านของพี่แจ็ค (ขอเรียกงี้แล้วกันนะเนาะ) เป็นร้านขายโปสเตอร์การ์ด ที่อุดมไปด้วยรูปตัวพี่แจ็คเอง ในอริยาบทต่างๆ โดยมีฉากหลังเป็นเมืองปาย ในเกือบๆทุกสถานที่ เช่นสะพานท่าปาย ปายแคนย่อน โป่งน้ำร้อน  ปางอุ๋ง มีหมด
    นอกจากนั้น ไม่ได้มีเพียงการแต่งตัวที่เลียนแบบ แจ็ค สแปร์โรว เท่านั้นนะ พี่เค้าเอามาหมด ทั้งลีลา ท่าท่าง และสำเนียงการพูดด้วย  หน้าร้านก็เต็มไปด้วย ชาวไทย และชาวต่างชาติที่ มาถ่ายรูป ระดมยิงชัตเตอร์ กันยกใหญ่


" อ่อ..... สาวน้อย  จะยิงรูปกับข้างั้นหรอ ?  เอ้า มาสิ เชิญๆ ข้าชอบอยู่แล้วคนสวยๆ หนะ" พี่แจ็คพูดกับสาวนักท่องเที่ยวไทยคนนึง เอียงตัว นิดๆ มือไม้ไปหมดอะ 5555+

    นุ้ยเดินเข้าไปเลือกโปสการ์ด น่าแปลก ที่คนเข้าร้านไม่มากเท่าไหร่  แต่พากันถ่ายรูปอยู่หน้าร้านนั่นแหละ ซึ่งพี่แจ็คก็ ขายเอง เล่นเอง รูปตัวเอง เสร็จสรรพด้วยตัวคนเดียว... เอ้อ เก่งดีนะ ถึงพี่แก หน้าไม่คมกริบเหมือน จอนนี่ เด๊ป แต่ผมชอบๆ   เพราะแจ็ค สแปร์โรว นี่ก็ไอดอลผมแหละ

" สาวน้อยเธอจะรับแค่ 2 ใบ เท่านั้นเองหรอ ? " พี่แจ็คถามนุ้ย ตอนที่บอกให้แกคิดตัง  นุ้ยพยักหน้า หงึกๆ
" 200 บาท จ๊ะ แม่สาวน้อย " พี่แจ็คบอก ทำท่ายียวนน่าเตะ ดีชะมัด

" เอาหละวันนี้ มีข่าวส่งมาบอกว่า อากาศจะหนาวมากๆ ช่างโชคดีเหลือเกินที่พวกท่านได้มากันในวันนี้นะ...... จะได้สัมผัสบรรยากาศหนาวกันซะให้เต็มที่ ~ " พี่แจ็คหันออกไปโบกมือแล้วประกาศให้คนที่มุงอยู่ด้านนอกฟัง

" อ่อ ขอถ่ายรูปด้วยหน่อย นะครับ " ผมบอกพี่แจ็ค แล้วบังคับนุ้ย ให้ไปถ่ายรูปกับแก

" แล้วนายละ พ่อผมยาว ไม่มายิงรูปกับข้าสักรูปรึไง " พี่แจ็ค ถามผม หลังจากถ่ายกับนุ้ยเสร็จแล้ว

" ไม่เป็นไรครับ... ^ ^ " ผมตอบเขินๆ แล้วเราก็เดินออกจากร้านพี่แจ็คมากัน

    ออกมาเดินเที่ยวตลาดต่อ ยิ่งค่ำลง บรรยากาศก็ยิ่งหนาว แต่แปลกคนดันเยอะขึ้นซะงั้น ร้านบาร์เหล้า ต่างๆ ตอนนี้มีชาวต่างชาติมานั่งกันเยอะเชียว  บรรยากาศดีๆ แบบนี้ ผมไม่อยากให้มันผ่านไปเลย  มีนุ้ยอยู่ข้างๆ อากาศหนาวเป็นข้ออ้างที่เราจะเดินตัวติดกัน ในสายตาคนอื่นเค้าคงมองเราเป็นแฟนกันแน่ๆ  อ๊ากกกก แค่คิดก็เขิลแล้วหละ >//////////////<

" มีนๆ โน้นๆ  อะไรไม่รู้ " นุ้ยชี้ให้ผมดู อะไรบางอย่าง ที่ร้านแผงแร่

" หื้ม.... เออ แฮะ น่ากินดี "  ผมตอบ แล้วเราก็เดินเข้าไปดูที่หน้าร้าน

   คุณอาสุดสวย กำลัง ตักบางอย่างจากหม้อ ลงในกระทง แล้วก็เอามาย่าง บนเตาไฟ ข้างๆแผง  มีกระทงที่เสร็จแล้วด้วย กลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนกินลอยออกมาท้าทายนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา  บนแผงมีขนมอีกอย่าง ที่มองเผินๆ เหมือน เค้กช็อกโกแลต ที่ถูกตัดแบ่ง บนป้ายเขียนว่า "แปงมุ้ง"



" ที่ย่างนี่เรียกว่าอะไรครับ พี่ "  ผมถามคุณอา

" อ่อๆ ไข่ป่ามจ๊ะ  อร่อยนะ ลองกินดูๆ " คุณอาบอกแล้ว พัดไฟ เพิ่มหน่อย ป้ายที่คุณอาเอามาพัด นั้นแหละ มันเขียนว่า "ไข่ป่าม"

" อร่อยมั้ยคะ ? " นุ้ยถาม ทำหน้าเกมือนเด็กเห็นอมยิ้มอีกละ

" อร่อย สิจ๊ะ  ต้องลองๆ " คุณป้าบอกแล้ว เสียบป้ายไข่ป่าม กลับที่ ที่มันควรจะอยู่

" งั้นเอา อย่างละ 2 อันครับ พี่ " ผมบอกคุณอา  คุณอาก็เอาขนม ใส่กล่องโฟมผ่าครึ่ง แล้วใส่ในถุงพลาสติกอีกที ส่งให้



  เอาหละ.... หึ หึ  คราวนี้ เราไม่เตือนนะ แต่เราจะชิมแล้ว  ใครอ่านกลางคืน แล้วมีภูมิต้านทานดี ก็อ่านต่อเลย  แต่ถ้าอ่านแล้วชอบหิว ก็ พักไว้ก่อนเนาะ ^ ^

  เริ่มที่เจ้า " แปงมุ้ง " ก่อน มันเป็นขนมพื้นบ้านของไทยใหญ่ บางคนเรียกมันว่า "เค้กพม่า" อะ ชิมๆ
สัมผัสแรกก่อนเลย คือนุ่มหนึบ รสหวานแผ่ซ่านออกมามากเลย  มีความมันของกะทิ เราได้กลิ่นหอมควันมะพร้าวด้วย รสชาติของเจ้าเค้กพม่า นั่น หวาน  อื้ม หวานเพียวๆ หวาน หน้าสีขาวเป็นกะทิ นุ่มๆ ลงตัวดีครับ  แต่สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง

" โห หวานมาก " ผมบอกนุ้ย  เราสลับกันกินชิม คนละอย่าง

" อันนี้ เหมือนไข่เจียวทรงเครื่อง หื้ม.. แต่มันอร่อย บอกไม่ถูกแฮะ" นุ้ยบอก แล้วกินต่อ

  เอาหละมาลองไข่ป่ามบ้างดีกว่า  ไข่ป่ามที่เราซื้อมา มีแฮมชิ้นลอยอยู่บนตัวไข่ด้วย อะลองงับดูเลยละกันใจร้อน.....
  ร้อนสิครับ  อะหื้ม ตัวไข่เก็บความร้อนไว้พอควร ไข่ใช่เลย นี่มันไข่ทรงเครื่องข้างใต้มีกระเทียม ตะไคร้ ต้นหอม กลิ่นเครื่องเทศอวลลอยในปาก รสเค็มนิดๆ มีกลิ่นหอมใบตองเข้ามาแซมโชคดีที่ผมไม่ซื้อแบบมีพริกมา รสชาติไม่จัดมาก กลมกล่อมสมบูรณ์เลยแหละ ไข่ปิ้งทรงเครื่อง ชาวเหนือ เหมาะอย่างยิ่งกับการทานเล่น หรือเป็นออเดิร์ฟได้ดีทีเดียว

" หื้มม  อันนี้อร่อย " ผมบอก เสียดายไม่น่าเลือกทานของหวานก่อนเลย

" ใช่มะ ~ " นุ้ยบอกแล้วอมยิ้มแก้มตุ๋ย

  เราจัดการ แปงมุ้ง กับไข่ป่าน จนหมด  แล้วออกเดินต่อจนมาถึงวัดกลาง ผมเหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงตัวน้อย ถือบางอย่างอยู่ในมือ ทำให้คิดอะไรดีๆ ออกมาได้   ผมว่า " ผมอยากบอกรักนุ้ย " หละ


...................................................................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น