วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันทึกถึงเมือง ปาย ตอนที่ 14

   มอเตอร์ไซต์สีแดงของเรา จอดอยู่ที่ข้างธนาคารออมสิน ขามาผมไม่ทันมองว่าร้านขายของที่ระลึกตรงข้ามธนาคาร มีไอเจ้านี่ขายด้วย



" นุ้ยๆ  ซื้อนี่ก่อนได้ปะ "  ผมบอกนุ้ย ตอนที่เรามาถึงรถแล้ว

" หื้ม ซื้ออะไรหรอ "  นุ้ยหันมามอง ทางเดียวกับที่ผมชี้

" ปรอท !! " ผมบอก

" เทอร์โมมิเตอร์  !! " นุ้ยแก้

   เราเดินเข้าไปถามราคาแม่ค้าบอกว่าราคา 150 บาท  ผมก็เลยจัดมา 1 อัน เราวางแผนกันว่าพรุ่งนี้จะไปน้ำพุร้อนท่าปายแต่เช้า ผมอยากรู้ว่าเช้าพรุ่งนี้อากาศจะหนาวจัดสักแค่ไหน   นุ้ยเดินไปร้านข้างๆซึ่งเป็นเหมือนร้านขายเครื่องดื่มผสม แอลกอฮอล์

" แหน๊ะ!! ซื้อไรอะ "  ผมถามเธอหลังจากค่อยๆย่อง เดินมาจากด้านหลัง

" มีนเอา รสอะไรดี " นุ้ยหันมาถาม เงยหน้าจากเมนูแล้วส่งมันมาให้ผม



   เจ้าแผ่นเมนูเป็นพลาสติกเคลือบอย่างดี ในเมนูมี รายการชื่อแปลกๆเขียนอยู่เยอะแยะ อ่อ  เมนูที่ว่าเนี่ยะ มันคือ เมนูเหล้าปั่นครับ น้องเจ้าของร้านส่งยิ้มออกมาจาก บูทไม้เหมือนบาร์เหล้าเคลื่อนที่ หน้าซุ้มจัดวางไปด้วยน้ำผลไม้ขวด ที่ใช้ผสมเหล้า  มีเครื่องปั่น และผลไม้สดๆ วางอยู่ด้วย น่าจะไม่ได้ขายแค่เหล้าปั่นอย่างเดียวนะ

" หื้ม....  คิดไงอยากกินขึ้นมาหละคะเนี่ยะ "
   ผมถาม  ปรกติผม ไม่กินเหล้า ไม่กินเบียร์เลย (จริง ๆ ๆ ๆ) ส่วนเหล้าปั่นเนี่ยะ เคยกินมาบ้าง หน สองหน เวลาไปชายหาดกับเพื่อนๆ

" ก็อากาศหนาวๆ กินซะหน่อยจะได้ อุ่นๆ นอนสบายๆ "
เธอบอก ตามองขวดผลไม้ เหมือนเด็กมองลูกอม

" เคยกินปะเนี่ยะ !! "  ผมถามหันไปมองหน้าเธอ

" เคยดิ โห่ววว ระดับไหนแล้ว !! "  นุ้ยพูดเน้นเสียงหน่อยๆ

" มั่นใจ !! "  ผมถามย้ำ

" อื้มๆ ลองดู " นุ้ย ตอบลอยๆ ตามองขวดน้ำผลไม้

" เอ้า เฮ้ย.. !!  ไหนบอกเคยกิน  และไหงบอกลองดูหละ "  ผมถามจี้อีก

" เออออออออ...  เรื่องมากอะ  เอารสอะไร " นุ้ยหัน มามองผม จ้องตาดุๆ

" เอาบลูฮาวาย 2  ก็ได้ครับ ช๊อตเดียวพอนะ " ผมหันไปบอกแม่ค้า

     เฮ้อ........  แน่ใจนะว่าเคยกิน  ตั้งแต่รู้จักกันมาผมไม่เคยเห็นเธอกินแอลกอฮอล์ สักที อาจจะเคยเห็นรุปไปเที่ยวกับเพื่อนตามบาร์ หรือ ร้านอาหารบ้าง  แต่บนโต๊ะ ก็ไม่เคยมีแอลกอฮอล์ ให้เห็นเลยนะ  ผมกำลังสองจิตสองใจแล้วตอนนี้    เหมือนมีความชั่วร้ายกำลังก่อตัวขึ้นในหัวผม



" อุ๊ยๆ  น่ารักจัง "  นุ้ยร้อง
   มีชาวต่างชาติผิวขาว คู่นึง คน เดินผ่านมาข้างหลัง ทั้งสอง มีเด็กผู้ชายตัวน้อยผมสีทอง ตาฟ้า เหมือนตุ๊กตาไขลาน เดินตามมาต้อยๆ  นุ้ยนั่งลงไป มองหน้าน้อง  น้องเอามือมาจับแก้มนุ้ย แล้วก็ยิ้ม มองหน้าพ่อกับแม่ แล้วก็ยิ้ม  น่ารักมากๆ

  ผมฉวยโอกาสตอนนี้ เดินเข้าไปใกล้ๆแม่ค้า เพื่อบอกบางอย่าง แม่ค้ามองหน้าผม อมยิ้มอย่างรู้แกว แล้วก็ ทำเหล้าปั่นต่อ

" ได้แล้วคะ " แม่ค้าบอก ส่งแก้วน้ำพลาสิกใส ที่บรรจุน้ำสีฟ้าแปร๊ดด เหมือนลูกกวาด ยื่นมา 2 แก้ว

" เท่าไหร่ครับ "  ผมถาม

" 160 บาท จ้า "  แม่ค้ายิ้มให้ผมแปลกๆ

" อะครับ ไม่ต้องทอน " ผมจ่ายไป 200 แล้วยิ้มตอบ



   หลังจากที่นุ้ยเอากล้องถ่ายรูปเก็บใส่กระเป๋า (เอามาถ่ายเด็กฝรั่ง ตัวน้อยน่ารัก) เราก็ออกเดินทางกลับที่พัก  ซึ่งตอนนี้ ร้านเหล้า Don'tCry เปิดแล้ว และมีนักท่องเที่ยว เยอะแยะกำลังสนุกสนานกับดนตรีสด จังหวะเร็กเก้ เสียงไม่ดังกระหึ่มเหมือนร้านเหล้าในเมืองหลวง แต่ทุกคนก็ดู Happy ดี  พ้นจากร้านเหล้าเราเลี้ยว ซ้าย ขึ้นเนิน มุ่งสู่ ปายลานนา



   ปายลานนา ยามค่ำคืน ก็สวยไปอีกแบบ  บ้านทุกหลังเปิดไฟที่ระเบียง  รีเซฟชั่น ปิดแล้ว แต่มีไฟรุ้ง เปิดกระพริบ หน้ารีเซฟชั่นมีเบอร์เขียนไว้ สำหรับโทรเรียก หากมีคนต้องการเข้าพักช่วงกลางคืน   เรามองไปทางเวิ้งกว้าง เห็นทิวทัศน์ของเมืองปายจากมุมสูง  ตัวเมืองมีแสงไฟระยิบระยับ แต่รอบนอกของหุบเขากลับมือสนิท และเงียบสงัด.....  ใครกันนะ ช่างมาพบที่ราบกลางหุบเขาตรงนี้  ผมคิดในใจ
   เราจอดรถไว้หน้าบ้าน นุ้ยขึ้นไปแอนตัวบนฟุกหน้าระเบียง  ผมเอาของเข้าไปเก็บในบ้าน หยิบมือถือออกจากกระเป๋า ขึ้นมามองมัน  ปฎิเสธไม่ได้ว่าผมคิดถึงแอนมาก  แต่ผมเลือกที่จะไม่ชาร์ตมัน แล้ววางมันไว้บนโต๊ะข้างเตียง  หยิบสมุดไดอารี่กับดินสอ แล้วก็แก้วบลูฮาวาย 2 แก้ว ออกไปหานุ้ย



" อะ ลอง   อยากกินไม่ใช่อ่อ " ผมยื่นแก้วให้เธอ

" หนาวอะ  หนาวมากกก " นุ้ยบอก รับแก้วในมือผมไปดูด 1 ที

" เป็นไง " ผมมองหน้านุ้ยแล้วถาม

" ไม่เห็นจะมีอะไรเลย หวานดีออก " นุ้ยบอก สั่นหัวดิ๊กๆ

" มั่นใจนะว่า เรากินเจ้านี่แล้วจะหายหนาว = =! " ผมถามเธอตรงๆ  แล้วนั่งลงที่ฟูกอีกอัน

" ก็ไม่รู้ดิ  แต่นุ้ยว่าตอนเนี่ยะ ยิ่งกิน ยิ่งหนาวหวะ " เธอบอกยิ้มให้ผม

   เรานั่งคุยกันโต้ลมหนาว อยู่พักนึง  เธอถามถึงเรื่องของผม  ผมถามถึงเรื่องของเธอ  เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ที่เราไม่ได้เจอกันเลย  ยิ่งเราคุยกันนานมากเท่าไหร่  ผมก็ยิ่งตระหนักว่า ผู้หญิงคนนี้ น่ารักมากแค่ไหน ผมนึกไปถึง แหวนกิ่งสน ที่เธอให้ผมไว้ ( ติดตามในซีรี่ย์ต่อไป - - ) จนวันนี้มันก็ยังอยู่ในลิ้นชัก ที่ผมไว้เก็บของสำคัญ ๆ ผมหลงรักเธอมา 4 ปีแล้ว  น่าแปลกที่ในส่วนลึกของจิตใจ เธอไม่เคยจางหายไปเลยแม้สักนาที  เหมือนที่ผมกำลังเขียนถึงเธออยู่ตอนนี้ ทุกอย่างก็ชัดเจนราวกับ เธอนั่งอยู่ข้างๆผม

" ง่วง ~_~ " นุ้ยบอก หน้าสะลึม สะลือ

" เมาแล้วมั่งง " ผมแซวเธอ  อากาศรอบตัวเริ่มหนาว จนไม่ควรอยู่ด้านนอกแล้ว

" กินให้หมดดิ " เธอชี้มาที่แก้วของผม

"  อะๆ หมดนี่แล้วไปนอน นะคะ  พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไม่ใช่หรอ "
ผมบอกเธอ ตอนนี้ บลูฮาวายในแก้ว เหลือ ไม่ถึงครึ่ง  น่าแปลกที่มันละลายไปน้อยมากๆ คงเพราะอากาศหนาวรอบๆนี่แหละ

" มีนกินให้หมดเลย นุ้ยพอแล้ว " เธอบอก จ้องตาผมแบ๋ว

" อ่าๆ เครๆ " ผมกินไปอีกครึ่งนึงของที่เหลือ  หยิบสมุดมาจดอะไรนิดนึง

" ทำไรอะ ~ "  นุ้ยถาม  ความจริงเธอรู้แหละ เพราะเธอเคยเห็นผมจดมันอยู่หลายครั้ง

" จดไงว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่ "  ผมบอก
ผมค่อยๆ เขียนความรู้สึกตอนนี้  ไล่ย้อนไป ทีละฉาก ๆ  นุ้ยไม่ได้พูดอะไร เธอนั่งมองดูผมจดบันทึก แล้วเงียบเสียงไป

" หลับซะแล้ว " ผมพึมพำเบาๆคนเดียว  ระหว่างจด ผมมักจะชำเลืองมองเธอเป็นช่วงๆ  และล่าสุดเธอหลับแล้ว

   มาถึงตอนนี้ ทุกคนคงอยากรู้แล้วหละ ว่าผมบอกอะไร แม่ค้าไป  สิ่งที่ผมบอกก็คือ

" ไม่ต้องใส่เหล้านะครับ  เค้าคงแค่อยากลองกินน้ำผลไม้พวกนี้ดู "

   อากาศหนาว และความเพลียจากการเดินทาง และเที่ยวมาทั้งวัน คงทำให้เธอหลับกลางอากาศ  ตอนนี้ผมเหมือนคนบ้า ที่นั่งมองหน้าผู้หญิงที่ผมรัก  ผมยิ้ม เมื่อคิดถึงเรื่องราว ระหว่างเราสองคน ผมไม่คิดว่าจะมีวันที่วิเศษสุดเช่นนี้ มีเธออยู่ข้างๆ ที่ " ปาย "

   ผมค่อยๆ กลับเข้าไปในบ้าน เอาไดอารี่ดินสอ ไปเก็บ เคลียของบนที่นอนออก แหวกผ้าห่มออก แล้วกลับออกมาหานุ้ย

  ไม่คิดเลยว่าจะได้อุ้มเธออีกครั้ง  ครั้งก่อนมันเป็นเกมส์ ที่เราจับกลุ่มแข่งกัน  ครั้งนั้นนุ้ยแทบไม่ได้มองหน้าผมเลย  แต่ครั้งนี้เธอก็ไม่มีความเกร็งตัวเลยเหมือนกัน นุ้ยตัวเล็ก อุ้มง่าย  ผมอุ้มเธอไปวางบนที่นอนสีขาว ถอดหมวกสีแดง ออก แล้วห่มผ้าให้
   ถ้านี้เป็นนิยายอีโรติก  เราก็คงได้กัน 555+  แต่เปล่า ผมยังเป็น "ควายมีน" ที่เพื่อนตั้งฉายาให้  สมัยมหาลัย   ผมมองหน้าเธอที่หลับตาพริ้ม  เพลง "เจ้าหญิงนินทรา" ของวง Clash ดังอยู่ในใจ



ใครอยากสัมผัสบรรยากาศ เข้าใจความรู้สึกผม ก็ลองเปิดแอร์ฟังดูนะ

  ผม แอบ หอมแก้ม เธอเบาๆ 1 ครั้ง .....  ผมรักเธอ ผมรู้แค่นี้แหละ

   ปาย... ฉันช่างมีความสุข  ฉันช่างเจ็บปวด  ฉันช่างโชคดี  และฉันทรมานเหลือเกิน

ถ้าขอพรได้ 1 ข้อ บนโลก พรข้อเดียวที่ผมจะขอตอนนี้ คือ หยุดเวลา ตอนนี้ไว้ ชั่วกาลปวสาร ทีเถอะ
ได้โปรด...


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น