วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันทึกถึงเมือง ปาย ตอนที่ 7

 

อากาศยามเช้าที่เชียงใหม่ หนาวเย็นสะใจ สมกับที่เรารอคอยทีเดียว  เวลาประมาณ 6 โมงครึ่ง ผมกับนุ้ย ขึ้นมานั่งบน "รถส้ม" สุดหวานเย็น ขึ้นชื่อเรื่องความเอื่อยเฉื่อย ของการเดินทาง

  การเดินทางไปปาย จากท่าขนส่งอาเขตเชียงใหม่นั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี นะครับ



   วิธีแรกคือ รถตู้ซิ่งสะใจ  ถนนไปเมืองปาย มี ทั้งสิ้น 1,864 โค้ง  ซึ่งพี่คนขับรถตู้สามารถ พิชิตมันได้ ภายใน 3 ช.ม นิดๆ เท่านั้น  คุณจะดื่มด่ำ ไปกับ ความอึดอัด และ วิงเวียนได้อย่างเต็มที่   ยิ่งถ้าใครเจ๋ง จริงหละก็  ผมแนะนำ ให้จองเบาะหลังเอาไว้เลย  รับรองว่าค่ารถ 180 บาท  จะทำให้คุณเมาจน อยากจะอ้วกได้สัก 10 รอบ
  ถ้าขึ้นรถตู้พี่คนขับ จะแนะนำให้คนเมารถนั่งเบาะหน้าๆ  ถึงจะมาเป็นคู่ก็ตาม ให้ห่วง สวัสดิภาพของ ชีวิตตัวเองไว้ก่อน และทุกๆ ที่นั่งจะมี "ถุง" ไว้ให้เรียบร้อย  ใครไม่ไหว ก็คว้ามันมาจัดการได้เลย  แถมหน้าคิวรถตู้ ก็มี คุณลุง คุณป้า แผงแร่ เอายาดม ยาหม่อง ทุกยี่ห้อ ไว้รอบริการกัน
  กล่าวมาซะขนาดนี้ ไม่ใช้ว่ารถตู้ เค้าไม่ดีนะครับ ถ้าคุณมีเวลาน้อย หรือ ใจร้อน อยากไปถึงเร็วๆ รถตู้นี่แหละเป็นคำตอบสุดท้ายที่ ว่องไวที่สุด เรียกว่ายอมขมคอสัก 3 ช.ม แล้วไปลัลล้า กันให้เต็มที่ ที่ปาย เลยดีกว่า




   วิธีที่สอง  ก็คือวิธีที่ผมเลือก  เจ้ารถส้มหวานเย็น ที่ได้บอกไป เป็นวิธีที่ชาวบ้านทั่วไปนิยมใช้กัน จากที่อ่านมา รถเค้าจะวิ่งไป ช้าๆ เรื่อยๆ มีคนโบก ก็รับ มีคนลง ก็จอด แบบนี้ไปตลอดทาง  คุณจะได้เติมเต็มประสบการณ์ ในวิวทิวทัศน์  ที่รถตู้ และเครื่องบิน มอบให้คุณไม่ได้ จากการเดินทางไปปาย  สายลมเย็นๆ ที่ปะทะใบหน้า มันจะช่วยให้ 1,864 โค้ง กลายเป็นความสวยงาม และรสหอมหวานของการเดินทาง
   ค่าเสียหาย ทั้งสิ้น 85 บาท ต่อคน  ใช้เวลาเดินทาง ราวๆ 4 - 5 ช.ม



  อ่อ  ลืมบอกไปเลย  ถ้าคุณ อยากข้ามขั้นตอน ทั้งหลายเหล่านี้ไป แล้วไปสัมผัสกับ ปาย ในเวลาแค่ 20 นาที คุณก็แค่ จองเครื่องบิน ของ SGA  (นกแอร์) เครื่องบินขนาดเล็ก 12 ที่นั่ง รอบเดียวต่อวันเท่านั้น !!
ค่าเสียหาย  1,930 บาท จากที่ฟังมาใครๆก็หลงรัก เจ้าผึ้งน้อย (ชื่อเครื่องบิน) ลำนี้นะครับ


   เราขึ้นมานั่งบนรถส้ม คันเก่าคลาสสิก เรียบร้อยแล้ว  บนตั๋วจะระบุที่นั่ง ไว้ด้วยนะครับ ห้ามมั่วที่นั่ง เพราะพี่กระเป๋า ท่าทางโหดมาก  เราได้นั่ง เก้าอี้ถัดจาก เก้าอี้ตัวแรกที่ติดประตู  บรรยากาศในรถตอนนี้ร้อนอบอ้าวทีเดียว

   ด้านหน้าเรา (เก้าอี้ ติดประตูทางขึ้น) มีคนมานั่งแล้วหละเป็นชาวต่างชาติ ผู้หญิงผิวขาว มากับผู้หญิงผิวดำอีกคน พวกเธอมานั่ง แล้วบ่นๆกันเหมือนว่าร้อน ( ห่ะ !!  ผมนึกในใจ )  พยายามเอื้อมมือไปเปิดพัดลมแขวนเก่าๆ เหนือหัวพวกเธอ



" มีน   เมื่อไหร่ รถจะออกอะ "  นุ้ย ที่นั่งริมหน้าต่าง  หันมาทำหน้ากิ่วใส่  เพราะรอมา ครึ่ง ช.ม แล้ว

"หื้มม  ไม่รู้ดิ สงสายรอคนเต็มละมั่ง" ผมตอบเธอ  แต่สายตายังคงมองฝรั่งสาว 2 คนอยู่

"ขอตั๋วด้วย จ้าาา"  พี่กระเป๋าผู้หญิงหน้าดุ  ลุกขึ้นจากเบาะหน้ารถ เพื่อให้ คุณลุงที่หอบถุงปุ๋ยใบบะเริ่ม มานั่งแทน แล้วเริ่มเก็บ ตั๋ว จากผู้โดยสาร ทีละคน

  เจ้ารถส้ม ค่อยๆ สำลักเบาๆ เหมือนคนแก่  ก่อนจะค่อยๆ ออกตัว ไปช้าๆ (ช้าๆจริงๆ) จากท่าขนส่งอาเขต  เราค่อยๆ มุ่งหน้าตัดถนนเส้นทางหลวงเชียงใหม่  ไปตามป้ายที่เขียนว่า แม่ฮ่องสอน  พอรถเริ่มวิ่งเร็วขึ้น  อากาศหนาวนั้น ค่อยๆกรีดผิวเนื้อ อย่างโหดร้าย  นุ้ยปิดหน้าต่างลงแล้วหันมากอดรัดกับกระเป๋าตัวเองแทน  ผมนึกขำในใจกับภาพนี้ แต่มันมีที่ตลกกว่านี้ อยู่ตรงหน้า

"Hey  can you close the door ?" ฝรั่งผิวขาว ข้างหน้าผม ปิดพัดลมไปแล้ว  ปิดหน้าต่างด้วย  แต่แย่หน่อยที่เจ้ารถส้มคลาสสิกคันนี้ มันปิดประตู้ไม่ได้  พี่กระเป๋า หันมามอง แล้วทำหน้าซึน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  คนทั้งรถหันไปมอง  เพราะหลังจากนี้ มีคำพูดเสียงดัง แต่ฟังไม่รู้เรื่อง ออกมาอีก 1 ชุด ฝรั่งผิวดำเพื่อนของเธอ ตัดสินใจ  ลุกขึ้น มายืนข้างๆ ผม หลบหนาว

"Oh !! %.*i&#5@1 " เธอสบถ อะไรออกมาอีกก็ไม่รู้ แล้วก็ลุกขึ้นไปยืนหลังรถแทน

   รถจอดหยุดบ้างเป็นระยะ  เพื่อให้ผู้โดนสารลง บ้าง  บางทีก็มีคนขึ้นบ้าง  ที่ผมสังเกตคือ เวลาเราผ่าน หนองน้ำ หรือ บึง ลำธาร  จะมีไอน้ำ ลอยต่ำๆ อวดความหนาวของเชียงใหม่ เราพบเด็กๆ ที่กำลังจะออกไปโรงเรียน พวกเค้าใส่เสื้อกันหนาวทับชุดนักเรียน  และดูทนหนาวมากกว่า หญิงชาวต่างชาติที่เกิดเมืองหนาว นั่นซะอีก


ร้านนี้แหละ จะตู้หรือ บัส ก็ต้องลงมาพัก

  รถวิ่งผ่านเส้งทาง ที่คดเคี้ยวพอสมควรและ  เริ่มไม่มีบ้านเรือนให้เห็นแล้ว  ก่อนจะจอดที่ร้านกาแฟ แห่งนึง ริมเชิงเขา ซึ่งเป็นร้านที่ ทุกๆคนต้องได้มาพัก ก่อนจะไปเจอกัน 1,864 โค้งในตำนาน  พี่กระเป๋าบอกว่า " พักครึ่งชั่วโมงนะ  ทำธุระให้เรียบร้อย  หาอะไรอุ่นๆกิน  เดี๋ยวจะขึ้นเขา ยาวๆ แล้ว "  แล้วเดินตามคนขับลงไปกินข้าวเช้า

  ร้านนี้ บรรยากาศ สวยจัง  ผมได้เก็บรูปภาพมา หลายรูปทีเดียว  อากาศ ที่นั้น หนาวมาก มากกว่าที่เมืองเชียงใหม่หลายเท่าตัว  เราสองคนที่ปรับสภาพอากาศไม่ทัน ก้าวขาแทบไม่ออก จริงๆ

" มีน ไปซื้อโกโก้ กัน  หน๊าวว "  นุ้ยบอกผม ที่กำลังหยิบกล้อง มาปรับ ลองแสงอยู่



" เอาๆ  ไปดิ "  ผมเก็บกล้องลงกระเป๋า เราเดิน  เข้าไปในร้าน สั่งโกโก้ร้อน มาคนละแก้ว





แต่สรุป เราจิบมันคนละหน่อย  แล้วเอามันมาอังที่มือแทน  เพราะตอนนี้เราหนาวมาก  นุ้ยเกิดอยากถ่ายรูป  เราเลยได้เก็บภาพ มาอีก หน่อยนึง

ก่อนจะ กลับขึ้นรถไปกอดแก้วโกโก้  รอคนที่เหลือขึ้นรถจนครบ  แล้วออกเดินทางต่อครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น