วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันทึกถึงเมือง ปาย ตอนที่ 18

  ออกจากสะพานท่าปายมา ตามเส้นทางเดิมที่เราออกเดินทางในตอนแรก  ผ่านไร่สตอเบอรี่่ ที่ตอนนี้ มีรถตู้จอดอยู่ 1 คัน และนักท่องที่ยว ถ่ายรูปอยู่เยอะแยะเชียว   เมฆหมอก และอากาศชื้นเริ่มจางหายไป ตอนนี้คง ใกล้ๆ จะ 8 หรือ 9 โมงแล้วหละ  เราเกือบจะถึง Coffee in love แล้วตอนที่ผมหันไปเจอ รีสอร์ทอยู่ฝั่งเดียวกับ Coffee in love  นั้นแหละ ธีมของที่นี่สวยมาก



   รีสอร์ท มีชื่อว่า " มาริปาย " มีที่พักสไตล์มารีบูล  ไว้บริการนักท่องเที่ยว ฉากหลังเป็นเวิ้งเขากว้าง มีรถบ้านที่ใครๆก็อยากลองเข้าไปพักด้วยนะ   ด้านหน้าของที่นี่ ก็จะเป็นสวนสวย  มีรูปปั้นแกะ และ รูปปั้นผู้ชาย  ที่ผมขอเรียกมันว่า Mute man  ก็แล้วกัน


  เจ้า Mute man เนี่ยะ มีอยู่ 2 ตัวด้วยกัน  ตัวนึง เงยหน้าขึ้นฟ้า แล้ว มีข้อความเขียนว่า " อื้ม นี่ซิปาย "
ส่วนอีกตัว เอามือเกาคางตัวเอง ในข้อความเขียนว่า " เฮ้อ ถึงปายแล้ว "
  ในส่วนของสวนหย่อมด้านหน้า ก็มีดอกไม้เมืองหนาว ที่กำลัง แย้มกลีบ ต้อนรับดวงอาทิตย์ และมีซุ้มโดมทรงกลมใหญ่ๆ  ที่ติดนาฬิกา วัดอุณหภูมิไว้ด้วย  ตอนนี้มันแสดงบนหน้าปัดว่า 17 C*



" 17 เลยหรอ อย่างร้อน "  นุ้ยถามผม  ตอนนี้เราลงมาเดินถ่ายรูปกันที่สวยหย่อมด้านหน้า

" เราคงอยู่ ที่หนาวๆ มากันจนปรับตัวได้แล้วมั่ง " ผมบอกนุ้ย
อากาศตอนนี้ เรารู้สึกได้เลยว่าร้อนกว่า ช่วงไร่สตอเบอรรี่ หรือ ช่วงสะพานท่าปาย มากเลย

   ด้านหน้าของโดม มีแกะสุดเฟี้ยว 2 ตัว (รูปปั้น) ยืนอยู่ หน้าตามันเจ้าเล่ห์มากๆเลยแหละ  นุ้ยไปถ่ายรูป คู่กับมัน ก่อนที่แบตผมจะเตือนว่า  มันกำลังจะหมดแล้ว !!! - -

" นุ้ย  แบตจะหมดแล้ว "  ผมบอก เธอ

" หมดตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ " นุ้ยถามทำหน้าสงสัย

" แบตกล้องดิ เฮ้ย !! "  ผมบอกเธอ   แต่เอ๋... เธอสนด้วยหรอ ว่าแบตมือถือผมหมดแล้ว
" รู้ได้ไงอะ ว่าแบต มือถือมีนหมด "  ผมลดกล้องลง มองหน้าเธอแล้วถาม

" ก็มีนวางทิ้งไว้ ที่โต๊ะอะ....นุ้ยเห็นเมื่อเช้าว่าแบตหมด " นุ้ยบอก ตามองไปที่อื่น

" หื้มมม  ทำไมอะ จะแอบดูคลิปในมือถือมีนหรอ " ผมกวนเธอเล่นๆ ^ ^

" ทำไม กลัวแฟนโทรหาหรือไง  ถึงได้ ไม่ชาร์ตแบต "  เธอถามมองหน้าผม

" ก็เปล๋า !!  ตอนนั้น มันต้องชาร์ต แบตกล้อง ก็เลยไม่ได้ ชาร์ตมือถือ "  ผมบอก เดินเข้าไปหาเธอ

" นี่ขนาดชาร์ตแบตกล้องแล้วนะเนี่ยะ  ยังหมดอะ !! "  นุ้ยบอก  ทำท่าทางจะจับโกหกให้ได้

" เรื่องเยอะ !!   ไปกินข้าวกันได้ละ " ผมบอกเธอ แล้วเอื้อมมือไปขยี้ผมเธอแก้เขิล



   นุ้ยยังคง  เส้าซี้ เรื่องไม่ชาร์ตแบตมือถือไม่จบ  ระหว่างทางกลับก็ยัง แซว มุ้งมิ้ง ตลอดทาง  ผมเลี้ยวขวาเข้ามาทางตัวเมืองปาย   ตอนนี้ที่ท่ารถ มีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ กำลังลงรถตู้ กันอยู่  ร้านอาหารใกล้ๆ ก็มีคนชุกชุม ผิดกับวันที่เราเดินทางมา  สายตาผม มองหาร้านข้าวสักร้านที่เราจะไม่ต้อง รอคิวนาน เลยขับไปเรื่อยๆ ดีกว่า

" นุ้ยอยากกินอะไร เป็นพิเศษปะ "  ผมชะลอรถแล้ว ถามเธอ

" อยากกิน ๆ  หื้มมมม ข้าวซอย  ยังไม่เคยกินเลย " นุ้ยบอกผม เสียงสดใส

" เออ แฮะ !!!  อยากกินเหมือนกันเลย " ผมตอบ  ซึ่งผมก็อยากกินข้าวซอย จริงนั้นแหละ

   ข้าวซอย  อาหารเหนือ (ที่ตอนนี้หาทานกันได้เกือบทุกจังหวัด)  ผมเคยกินครั้งแรกก็ เมื่อ สัก 5 ปีที่แล้วได้ ตอนขึ้นมาเที่ยวเชียงใหม่ และรอบนั้นก็คงไม่ประทับใจเท่าไหร่มั่ง  ตอนนี้ก็เลยลืมไปแล้วว่า รูปร่าง หน้าตาและส่วนประกอบของมันมีอะไรบ้าง รสชาติเป็นยังไง  ตอนนี้ก็ชักอยากจะลองกิน ขึ้นมาแล้วหละ


 
   เราคิดเผินๆ เอาว่า ข้าวซอยน่าจะหาง่าย ที่นี่  แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว หาร้านที่เขียนว่า ข้าวซอย ตัวใหญ่ๆ เพื่อให้รู้ว่า ร้านนี่แหละทำข้าวซอยโดยเฉพาะ หรืออวดว่าตัวเองทำข้าวซอยอร่อย  นั่นหายากมาก = =!  แปลกจัง มีแต่ร้าน เค้ก ร้านอาหารอิตตาเลี่ยนไปเรื่อยเปื่อย ว๋าาา  ผมกำลังจะถอดใจเลย ตอนเจอร้าน เล็กๆ เข้าร้านนึง

  ร้านนี้ มีป้ายสีฟ้า เขียนด้วยปากกาเมจิกสีแดงเขียนไว้หน้าร้านว่า ข้าวซอย ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง  ในตู้กระจกมี มีกับข้าว 2 - 3 อย่าง แต่ดันไม่มี แม่ค้า หรือ พ่อค้า ยืนเฝ้าร้านอยู่  ด้วยความอยากกิน และแน่ใจว่าร้านนี้ต้องมี  เราก็เลยลงจากรถ ตรงเข้าไปในร้าน
  เป็นร้านที่ดูเหมือนเป็นบ้านเก่า มากกว่านะ  เราเข้าไปดูที่ตู้กระจกว่ามีอะไรอยู่บ้าง  ปรากฎว่ามีน้ำพริก ปลาทู ผักต้มอยู่ในนั่น แล้วก็มีน่องไก่ทอดน่องโตๆ อยู่ด้วย  ดูน่ากินทีเดียว  กำลังดูอยู่เพลินๆ แม่ค้าก็ออกมาพอดี

 " เอาอะไรจ๊ะ "  แม่ค้าสาว ประมาณอายุดูน่าจะมากกว่าผมไม่เท่าไหร่นะ

" มีข้าวซอยไหมคะ "  นุ้ยถาม

" มีจ้าา  เอากี่ที่ดี "  แม่ค้าบอก แล้วผายมือออก ให้เราไปนั่งรอที่ โต๊ะ

" เอา 2 ที่คะ ~ "  นุ้ยบอกแล้วก็เดินไปนั่งรอที่โต๊ะ

  ในร้าน มีภาพเก่าของเมืองปาย แขวนอยู่ เป็นภาพขาวดำ ภาพดูโบราณแต่แฝงไปด้วยสเน่ห์ของปาย ธรรมชาติที่ยังไม่ถูกปรุงแต่งมาก  ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากลองมาปาย ในช่วงเวลาแบบนั้นบ้างจัง



  ผมลุกขึ้นไปหยิบแก้ว ใส่น้ำแข็งแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะ  ร้านนี้ก็ดูเหมือนร้านอาหารทั่วไป  แถมไม่ได้ตั้งอยู่บริเวณที่คนคึกคักด้วย  อาหารจะอร่อยมั้ยนะ...  ~..~

" ได้แล้วจ๊ะ "  แม่ค้า ยกชามโตๆ 2 ชาม มาวางให้เราบนโต๊ะ

   หื้มม  จากที่มองภายนอกมันคือ แกงมัสมั่นน่องไก่ ชามใหญ่ ที่ใส่เส้นหมี่สีเหลืองกรอบ เข้าไปแทนที่ ได้กลิ่นเครื่องเทศ อ่อนๆ เตะจมูก  แม่ค้าหันไปหยิบ เครื่องปรุงมาวางให้อีก 1 จาน ในนี้มี มะนาว หอมแดงหั่น แล้วก็ผักกาดดอง



" แล้ว อ่าา  เราจะปรุงต้องใส่อะไรบ้างครับ " ผมถามแม่ค้า อย่างคนไม่รู้จริงๆ

" ก็ใส่น้ำปลา น้ำตาล มะนาว ตามใจชอบเลยจ๊ะ  อ่อ มีพริกผัดอยู่ในนั้นด้วย "  เธอชี้ไปที่พวงเครื่องปรุง

" อ่อ ครับผม "  ผมยิ้มให้แม่ค้า หยักหน้าให้เค้านิดนึง เป็นเชิงขอบคุณ

   นุ้ยลากพวงเครื่องปรุงมาไว้ตรงหน้า  ลองเปิดดู ก็เจอสิ่งที่แปลกมากกว่าพวงเครื่องปรุงทั่วไป คือมี พริกผัดสีแดงแก่ๆ อมน้ำมัน อยู่ด้วย 1 ถ้วย
   ผมลองชิมดูก่อนจะได้ปรุงได้ถูก  ตักน้ำซุปขึ้นมาแล้ว ซดไป 1 คำ

" หื้มม  เข้มข้นมาก "  ผมบอกนุ้ย

    ผมจะบรรยายรสชาติยังไง ให้ทุกคนเข้าใจดีนะ  น้ำซุปนั่น มีกะทิผสม กับ เครื่องแกง ซดไปก็จะรู้สึกเหมือน กินแกงกะทิ เลย แต่จะมีแค่ความหวานนิดๆของไก่เท่านั้น ที่ติดมาด้วย ที่เหลือจะเป็ความเผ็ดในระดับพอรับได้  เราต้องปรุงเพิ่ม ให้ถูกปากหละ
    ผมหยิบ มะนาวมาบีบใส่ไปเยอะเลย (ผมคนเหนือ ติดเปรี้ยว) น้ำปลาอีกหน่อย น้ำตาล นิดเดียว  แล้วลองชิม  อื้ม รสชาติดีขึ้นมาก  ใส่หอมแดง กับ ผักกาดดองเข้าไปเพิ่ม ด้วยละกัน
    คราวนี้ลองตักกินด้วยกันทั้งหมด  ทั้งเส้นด้วย เครื่องเคียงด้วย ดีกว่า

    อื้มม อร่อยครับ อร่อยทีเดียว  อาหารชามนี้ มีครบทุกรสแล้ว กลิ่นหอมของเครื่องเทศ  เนื้อไก่ที่ต้มมาพอเปื่อย เข้ากันได้ดีกับหมี่เหลือง ที่มี2 แบบ คือแบบหมี่เหลืองกรอบ ด้านบน และเส้นหมี่เหลืองลวกนิ่ม ข้างล่าง รสจัดจ้าน และเข้มข้นมากๆ    ไม่แนะนะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ ต้องการอาหาร อ่อนๆ ซดน้ำ อย่างซุป แกงจืด  ถึงแม้มันจะดูมีน้ำ เหมือนกัน  แต่เจ้าชามนี้เนี่ยะ  เข้มข้นทุกหยดจริงๆ

" เป็นไงบ้าง "  ผมถามนุ้ย

" อร่อยดี ไม่เคยกิน "  นุ้ยบอก เธอกำลังตั้งใจทานอยู่เชียว

" เหมือนกินแกง "  ผมบอกแล้วหัวเราะ นิดๆ

" อื้ม เหมือนกินแกงต้มยำน้ำข้น " นุ้ยบอก   จากนี้เราก็เงียบเสียง แล้วทานอาหารกันจนหมด

   ข้าวซอยชามโต ราคาชามละ 60 บาท กินหมดก็จะอิ่ม มากๆ เหมือนเราตอนนี้  จ่ายค่าเสียหายแล้ว ก็กลับมาที่รถ เตรียมออกเดินทางกันต่อ

" ไปที่พักก่อนนะ  ไปชาร์ตแบตกล้อง ก่อน "  ผมหันหลังไปบอกเธอ ที่ตอนนี้เตรียมโดดขึ้นมาเตอร์ไซต์
" แล้วเดี๋ยวไป หมู่บ้านไทยจีนยูนานกัน " ผมพูด ยิ้มให้นุ้ย



" ชาร์ต มือถือ หรือ ชาร์ตกล้อง "  นุ้ยแซว

" แหน๊ะๆ ได้เลย เดี๋ยวชาร์ต มือถือด้วย " ผมบอกเธอ

นุ้ยโดดขึ้นมาบนรถ  ผมขับออกไปทางสะพานปูนที่เดิม  ผ่าน Don'r Cry บาร์ เลี้ยวซ้าย เข้าที่พัก  ^ ^

.................................................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น