วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันทึกถึงเมือง ปาย ตอนที่ 20

   

   ถัดจากชิงช้ายูนาน เราเดินเข้าไปในร้านค้า ร้านนึง ของศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนาน   ร้านค้านี้เป็นบ้านดิน ข้างในตกแต่งสไตล์โรงเตี๊ยมเหมือนในหนังจีน  มีโคมไฟสีแดงด้านหน้าทางเข้า 2 อัน   ข้างในเป็นเหมือนร้านขายเครื่องครามของเก่า  มีชามใบสวย วางเป็นแถว  จานแก้ว จานกระเบื้อง มีลวดลายเหมือนภาพวาดจีนโบราณ วางโชว์ อยู่บนชั้นในร้าน  ที่เคาเตอร์มีถาดกาน้ำชาทรงโบราณ  และถ้วยน้ำชา วางอยู่อีก 5 ใบ รอบ  คงวางไว้สำหรับแจกแขก ที่เข้ามาในร้าน   ผมเดินเข้าไปดูตรงที่เป็นเหมือน เครื่องรางเล็กๆ

" มีนชอบหรอ " นุ้ยเดินเข้ามาถามผม

" ก็ชอบนะ  ให้คนที่เรารัก  " ผมตอบเธอ



  ส่วนตัวนะ ผมชอบที่ให้ให้จี้เครื่องรางเล็กๆ ที่เป็นมรกต ชาวจีนเชื่อว่า มรกต เป็นเครื่องรางอย่างนึง ที่จะสื่อถึงความรักและสมบูรณ์ และปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายในยามค่ำคืน  เนื่องด้วยความหมายดีๆ แบบนี้แหละ ผมจึงมักให้เครื่องรางมรกตอันเล็กๆ แก่คนที่ผมรัก เผื่อเป็นตัวแทนของการปกป้องในยามที่อยู่ห่างกัน และเป็นตัวแทนของความรัก เวลาหยิบมันขึ้นมาดูด้วย

" หื้ม แปลกจังผู้ชายชอบของแบบนี้ด้วยหรอ " นุ้ยมองหน้าผม อย่างสงสัย

" ต๊าย ตาย  ชั้นไม่ใช่ผู้ชายสักหน่อย "  ผมกวนโอ็ยเธอเล่น
ก่อนที่จะหยิบ ติ้วมรกตรูปกระต่าย อันเล็ก 2 อัน  เดินไปตรงเคาเตอร์ไม้ จ่ายเงิน

  เราออกจากร้านค้ามา ก็จะเจอกับ ม้า...  เจ้ามาตัวไม่สูง แต่ดูหนาๆ สีขาวๆ ขุ่นๆ นุ้ยเดินดุ๋ยๆ ไปดูมัน เหมือนเด็กวิ่งไปซื้อไอติมในสวนสัตว์ ไม่มีผิด



" มันดุ มั้ยอะคะ "  นุ้ยถามพี่คนจูงม้า

" ไม่ดุครับ ลูบหัวได้ " พี่คาวบอยหนุ่มยิ้มให้  
ในใจผมคิดว่า เอ็ะ พี่น่าจะแต่งตัวแนวจอมยุทธนะ จะเข้ากะฟิลมากเรย 555+

" สนใจขี่มั้ยครับ รอบละ 300 บาท " พี่คาวบอยบอก

" มีน ขี่มั่งมั้ย  เดี๋ยวนุ้ยถ่ายรูปให้ " นุ้ยหันมาถามผม ตาเป็นประกาย

" ไปขี่เถอะจ๊ะ  เดี๋ยวถ่ายรูปให้ ^ ^ " ผมบอก ขยี้ผมเธอเบาๆ  แหม่ ตาเป็นประกายขนาดนี้ ใครจะแย่งลง



   สรุป เราก็ได้คาวบอยสาวสุดน่ารัก ขึ้นไปควบม้า เหยาะๆ เดินไปตามทาง ที่พี่คาวบอยตัวจริงจูงนำหน้า  พี่เค้าก็จะจูงม้าไปรอบ บริเวณลานกล้างนี้  ตอนแรกจะเฉี่ยวเข้าไปทาง ศูนย์เปิดลมปราณ (ห่ะ !!!) แล้วก็ เดินโฉบมาทาง บ้านดิน ที่ตั้งอยู่เรียงราย 4 หลัง  หน้าบ้านจะเป็น สระน้ำขนาดใหญ่ที่มีหงส์นั้นแหละ มีกอไผ่ด้วย  ตลอดระยะทาง พี่จะคอยเบรคเจ้าม้าน้อย ในจุดที่ถ่ายรูปได้สวยๆ  ฮื้มรูปถ่าย ก็ได้อารมณ์ดีมากเลยนะ ยกเว้น ฟิลของสถานที่ มันไม่ค่อย แมทกะ หมวกคาวบอยเนี่ยะ - * -

  พอลงจากม้า และจ่ายค่าเสียหายเรียบร้อยแล้ว  เราก็เดินมาต่อกันที่ "พลังลมปราณเปิดจุด เพื่อสุขภาพ" ซึ่งผมแอบสงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้วนะ ว่ามันคืออะไรกันแน่   แต่ก็ได้แต่สงสัยนะครับ เพราะวันนี้ ปิด !!!  เราเข้าไปไม่ได้   ได้แต่ถ่ายรูป บริเวณด้านนอก



  " ปะ หมดแล้ว "  ผมบอกนุ้ย

  " ไป กินๆ  ไปกินข้าวก่อน " นุ้ยบอก ชี้มือไปที่ร้านอาหาร

  " เพิ่งกินมาไม่ใช่อ่อ !!! "  ผมพูดกับนุ้ยแล้วมองไปที่พุงของเธอ

  " ชิมมมม.... อยากลองกิน " นุ้ยบอก ทำเสียงแมวอ้อน

  เราเดินเข้าไปที่ร้านอาหาร เลือกนั่งโต๊ะริม สุดซ้ายมือ  โต๊ะถูกคลุมด้วยผ้าปูสีแดง  เก้าอี้ม้า แบบคนจีนสมัยเก่าห้อยโคมไฟสีแดง ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของอะไรสักอย่างเตะจมูกออกมาจากทางในครัว สร้างบรรยากาศจีนๆได้ดีทีเดียว  รอบนี้ เราไม่หิวมาก ก็เลยหยิบเมนูมาเลือกสั่งเฉพาะอาหารซิกเนอเจอร์  ก็คือ  หมั่นโถวนึ่ง 2 ลูก หมั่นโถวทอด 2 ลูก ขาหมูน้ำแดง  ข้าวเปล่า 2 แล้วก็ชาร้อน 1 ชุด  ^ ^



    ลองชิมหมั่นโถว ดูก่อน หื้มม อันดับแรกเลยคือนุ่ม  นุ่ม มาก กรุ่นๆข้างในด้วยความร้อนที่ไม่มากเกินไปจนรู้สึกเหมือน ไอ้เจ้านี่ เด้งในปากเราได้
   ต่อมาก็ขาหมูยูนนาน  เอ๋ มองแว็บแรกมันก็ เหมือนขาหมูทั่วไปนะครับ แต่ชามโตกว่า ลองตักมาสักชิ้นดีกว่า ขาหมูนุ่มเปื่อยกำลังดี ตักง่ายทีเดียว  มีควันโชยออกมาด้วยนะ  ส่งกลิ่นท้าทายยั่วยวน
   ปรากฎว่า รสชาติ ไม่เหมือนขาหมูไทยนะครับ  หอม..... ~ หอมเครื่องเทศ และมีรสเผ็ด หน่อยๆ แต่ร้อน เพราะทำใหม่  รสชาตินี่ อธิบายไม่ถูก  อาจจะเป็นเพราะยาจีน ก็ได้  ตัวเนื้อหมูเปื่อยกำลังดี  รสและกลิ่นแทรกเข้าไปถึงเนื้อด้านใน  หนังด้านนอกไม่เหนียว มีมันแทรกอยู่ และละลายในปากเลยหละ



" เป็นไงๆ " ผมเงยหน้าขึ้นมาถามนุ้ย

" อร่อย ๆ มีนลอง หมั่นโถวทอดสิ "  นุ้ยบอกผมแล้ว หยิบส่งมาให้ 1 ลูก

   หมั่นโถวทอด ซึ่งผมไม่เคยกินเลยหละ อันนี้  แปลกที่มันไม่ร้อนจัดอย่างที่ควรจะเป็น ลองกัดดูดีกว่า
กรอบครับ  แป้งด้านนอกถูกทอดจนกรอบ แต่ด้านในกลับเหนียวนุ่ม รสหวาน ที่ปลายลิ้นนิดๆ แต่ไม่อมน้ำมัน ช่างชวนล้ำลายสอดีแท้



" เค้าบอกว่า ต้องราดแบบนี้ นะมีน " นุ้ยบอกผมแล้วเริ่มตัก ขาหมูราดไปบนหมั่นโถว  ผมทำตามบ้าง

ฟินครับ ~  5555+  ใครอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง ก็คงต้องมาลองเองแล้วหละ  ขาหมูนำพารสชาติและกลิ่นอบอวลเข้มๆ บวก เข้ากับเจ้าหมั่นโถวน้อยๆ ติดหวานที่ปลายลิ้น  ราดน้ำจิ้มที่เสริฟมาพร้อมกันด้วย ก็ครบรส  กลิ่นหวานแบบเครื่องเทศจีน และความมันส์ของขาหมู  เนื้อหมู และ เนื้อแป้งที่เข้ากัน รวมกับน้ำจิ้มได้อย่าง พอดี   อร่อยครับ ~  สมกับที่เป็น ซิกเนอเจอร์

" หื้มมม "  ผมร้อง จงใจเลียนแบบเธอ  นุ้ยหน้ามามองหน้าแล้ว ยิ้มมุมปากหน่อย เหมือนถามว่า "กวนตีนอ่อ"  แต่ไม่ได้พูดอะไร กินต่อ  ^ ^



   หมั่นโถว หมดอย่างรวดเร็ว และต้องสั่งเพิ่มอีก คนละ 2 ลูก  สรุปถึงขาหมูจะดู ว่าชามใหญ่ แต่ก็หมดลง อย่างง่ายดาย  ปิดท้ายกันด้วยชาจีน ครับ  ชาจีนนี่แหละที่ส่งกลิ่นหอมๆ ออกมาในตอนแรกที่เดินเข้ามาในร้าน  มันเป็นกลิ่นที่แรกความหิวได้ดีทีเดียว  และหลังจาก ทานทุกอย่างแล้ว  ปิดท้ายด้วยเจ้านี่อีกครั้ง มันครบสูตรอย่าบอกใคร  แล้วเค้ายังบอกว่า มันลด คอเรสสตอรอล ได้ดีด้วยนะ ^ ^

" เป็นไง อิ่มมั้ยคะ ทีเนี่ยะ " ผมถามนุ้ย ซึ่งตอนนี้ สภาพก็จุกแล้วแหละ

" ไม่ไหวแล้วอะ " เธอบอก  แอบทำหน้าพะอืดพะอม

   ผมหัวเราะเธอ ที่ดื้ออยากกิน  แต่ก็นะมันอร่อยจริงๆนั้นแหละ  เราจ่ายค่าเสียหายทั้งหมด ก่อนจะซด ชา 1 แก้วสุดท้าย  แล้ว ออกเดินกลับมาที่รถ

" ไปไหนต่อนะคะ ? "  ผมถาม  ถามไปงั้นแหละ ผมจำได้

" ไปจุดชมวิว "  นุ้ยบอก ท่าทางมีความสุข แล้วยิ้มให้

" ไปกลางวันๆ แบบนี้ อะนะ "  ผมถามย้ำ อีกที

" ไป เหอะน่าาาา  อยากเห็น "  นุ้ยบอกผม แล้วก็ โดด ขึ้นมาบนมอเตอร์ไซต์



ผมมองหาป้ายชี้ทาง  ซึ่งป้ายบอกว่าจากจุดนี้ เราต้องขึ้นเขาล้วนๆ

" ขึ้นเขาทั้งนั้นเลยอะ  นุ้ยตัวหนักด้วย  จะไหวปะเนี่ยะ " ผมขับรถออกมาช้า แล้วพูดแซวเธอ

" หื้ม มีนหนักกว่าตั้งเยอะ อย่ามาพูด "  นุ้ยเกาะไหล่ผม แล้วตอบกลับ

" ถ้ากลัวร่วง  กอดเอวมีนเลยก็ได้นะ "... ผมแซวเธอเล่นๆ

แต่เธอเอื้อมมือข้างซ้ายมากอดเอวผมจริงๆ  >//////<

...............................................................................................................................................................

20 แล้ว เย้ๆ !!!  เพราะแรงใจจากคอมเม้น  เลยมาถึงตรงนี้ได้  ขอบคุณมากเลยครับ ^ ^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น